เปิดโผ 40 หุ้น SET-mai กำไร Q1 โตทะลักเกิน 100%
เปิดโผ 40 หุ้น SET-mai กำไร Q1 โตทะลักเกิน 100% ฟาก STA ซิวแชมป์หุ้นกำไรเติบโตสูงสุด
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์”ทำการรวบรวมผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)และตลาดหลักทรัพย์(mai)ไตรมาส 1/61 โดยครั้งนี้คัดเลือกบริษัทที่มีผลการดำเนินงานมีกำไรเติบโตโดดเด่นเกิน 100% มานำเสนอ
โดยหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวคัดเลือกมา 40 ตัว คือ STA,SKY,TNPC,WHA,WP,RICHY,ICN,S,THCOM,EGCO,SGF,DTAC,ATP30,ILINK,TNR,SPVI,CWT,PF,MIDA, BFIT,SC,BIZ,XO,TVI,IT,AGE,ORI,TAKUNI,AMANAH,WHAUP,SAPPE,PORT,NNCL,FORTH,RS,BSM,EPCO,THE,UTP และ ดังตารางประกอบ
ทั้งนี้นอกจากผลการดำเนินงานไตรมาส 1/61 จะปรับตัวขึ้นโดดเด่นแล้ว บริษัทดังกล่าวยังมีแผนงานที่โดดเด่นและคาดว่าผลงานช่วงที่เหลือของปีนี้จะออกมาดีต่อเนื่องเช่นเคย ตรงนี้น่าจะเป็นโอกาสให้นักลงทุนได้คัดเลือกหุ้นที่มีผลการดำเนินงานโตโดดเด่นไว้พิจารณาการเข้าลงทุนอีกครั้ง โดยครั้งนี้จะขอยกตัวอย่างมาประกอบการลงทุน 5 อันดับของตารางดังนี้
อันดับ 1 บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/61 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.61 มีกำไรสุทธิ 831.82 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 7.57 ล้านบาท หรือเติบโต 10,888%
โดยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/61 บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายลดลงตามปริมาณการขายที่ลดลง รวมทั้งในไตรมาสที่ 1 ปี 2561 บริษัทมีรายได้อื่นบันทึกเป็นรายการพิเศษ (Non-recurring item) ที่เป็นค่าทดแทนความเสียหายเหตุไฟไหม้โรงงานแห่งหนึ่งของ PT Star Rubber ซึ่งได้รับต่อเนื่องจากปีก่อน รวมถึงเงินชดเชยประกันอื่นๆ จำนวนทั้งสิ้น 27.1 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าเพิ่มขึ้น
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า STA ระยะสั้นอาจเห็นราคายางอ่อนตัวลง เพราะปีนี้เปิดกรีดยางเร็วจากน้ำยางที่ออกมาก ส่วนธุรกิจถุงมือยางค่อนข้างดีทั้งรายได้และมาร์จิ้น ถ้าเพิ่มสัดส่วนได้มากขึ้นจากปัจจุบันที่ 14% ของรายได้รวม จะช่วยให้ผลกำไรผันผวนน้อยลง ขณะที่ แนวโน้มกำไรไตรมาส2/61 น่าจะดีขึ้น เพราะปริมาณขายกลับมาปกติ และทั้งปีน่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้ ยังแนะนำแค่เก็งกำไรเมื่อราคายางปรับขึ้น
อันดับ 2 บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/61 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 61 มีกำไรสุทธิ 36.10 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 0.40 ล้านบาท หรือเติบโต 8,925%
โดยผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้หลักของบริษัทไตรมาส 1/61 เท่ากับ 310.90 ล้านบาท เทียบกับปี 2560 เท่ากับ 45.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 265.50 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 584.81 เนื่องจากในไตรมาสนี้บริษัทฯได้มีการรับรู้รายได้บางส่วนจากการส่ง มอบอุปกรณ์สำหรับโครงการซื้อขายพร้อมติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และรายได้จากโครงการให้บริการรถเข็นกระเป๋ า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทได้มีการเซ็นสัญญาในปี 2560
อันดับ 3 บริษัท ไทยนามพลาสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNPC รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/61 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 61 มีกำไรสุทธิ 20.57 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 1.83 ล้านบาท หรือเติบโต 1,024%โดยผลการดำเนินปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากไตรมาส1/61 รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นเป็น 280.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.06% เมื่อเทียบปีก่อน อันเป็นผลมาจากยอดขายสินค้าอุตสาหกรรมรถยนต์ตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น
อันดับ 4 บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/61 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.61 มีกำไรสุทธิ 779.91 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 80.78 ล้านบาท หรือเติบโต 865%
โดยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/61 บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 152.5 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของรายได้การขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) พื้นที่เช่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 55,131 ตร.ม เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา
รวมทั้งยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าในธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 162.3 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน ของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าเก็คโค่ วัน มีจำนวนวันในการพร้อม จ่ายไฟฟ้ามากกว่าเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีการปิดปรับปรุงซ่อมบำรุงตามแผนงาน
รวมถึงเริ่มทยอยการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าขนาดเล็กเพิ่มขึ้นจำนวน 5 โรงไฟฟ้า ตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่2 ปี2560 ถึงไตรมาส 1 ปี2561 ทำให้จำนวนเมกกะวัตต์ตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 510.5 เมกกะวัตต์ขณะเดียวกันต้นทุนทางการเงินลดลงร้อยละ 30.8 เนื่องจากการที่บริษัทฯ ได้มีการทยอยชำระคืนหนี้สินตั้งแต่ปลายปี 2559 เป็นต้นมา
บล. ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า IRPC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ 15 พ.ค.61 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าร่วมทุนกับบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเดิมคือ HEMRAJ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ WHA โดยจัดตั้งเป็นบริษัทร่วมทุนด้วยทุนจดทะเบียน 650 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 40 และบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 60 เพื่อพัฒนานิคมฯซึ่งตั้งอยู่ที่อาเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง จำนวนประมาณ 2,152 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่บริษัทร่วมทุนจะซื้อจากบริษัทฯ ในราคาตลาด
ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทร่วมทุนจะสามารถจัดตั้งแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 2561 โดยจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขบังคับก่อนในสัญญาผู้ถือหุ้น
ผลกระทบและคำแนะนำ: เราคาดว่าจะเป็น WIN WIN กับทั้งสองฝ่าย ด้าน IRPC (Not Rated) คาดว่าจะมีกำไรจากการขายที่ดินให้กับบริษัทร่วมทุนเป็นจำนวนมาก เพราะจำนวนพื้นที่ขายอยู่ในเกณฑ์สูงถึง 2,152 ไร่ จากต้นทุนที่ต่ำ ขณะที่ราคาขายปัจจุบันปรับขึ้นไปสูง และมีมืออาชีพด้านพัฒนานิคมฯมาช่วยดูแล ส่วน WHA ก็จะได้รับกำไรในอนาคตผ่านบริษัทร่วมทุน โดยพื้นที่นิคมฯอยู่ในเขตจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของจังหวัดที่อยู่ใน พรบ. EEC ที่คาดว่าในอนาคตจะขายดี และปัจจุบันที่ดินแปลงใหญ่นั้นหาได้ยากด้วย แต่ยังไม่มีรายละเอียดของแผนธุรกิจ แตถือว่าจะเป็นส่วนเพิ่ม (Upside) ของ WHA ได้ คงคำแนะนำ ซื้อ WHA ด้วยราคาพื้นฐาน 5.02 บาท ซึ่งเป็นส่วนลด 10% จาก NAV ของบริษัทที่เราประเมินไว้
อันดับ 5 บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/61 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 61 มีกำไรสุทธิ 77.44 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 8.92 ล้านบาท หรือเติบโต 768%
โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวเพิ่มขึ้นเนื่องจาก ความสามารถในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท โดยแนวโน้มตลาดขาลงในกลุ่มสถานีบริการส่งกระทบกับยอดขายรวมของกลุ่มบริษัททำให้มีปริมาณการขายรวมลดลง แต่ในทางกลับกัน กลับเป็นปัจจัยบวกกับผลกำไร เนื่องจากกลุ่มบริษัทสามารถรักษาการเติบโตของกลุ่มลูกค้ากลุ่มอื่นที่มีอัตราการททำกำไรที่ดีกว่าไว้ได้ และยังได้ขยายฐานลูกค้าเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้กลุ่มบริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้บางส่วน ทั้งด้านการปรับแผนการขาย ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายผ่านนายหน้าลดลงและด้านบริหารจัดการสินทรัพย์โดยการเปิดใช้งานแบบเต็มรูปแบบของคลังก๊าซที่ขอนแก่นและบางปะกง ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการฝากสำรองแก๊สลดลง อันส่งผลสนับสนุนให้กำไรของกลุ่มบริษัทเพิ่มมากขึ้น
สำหรับทิศทางธุรกิจของ WP ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือความต้องการใช้ LPG ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้ตลาดก๊าซ LPG กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง โดยปีนี้บริษัทฯ คาดว่ายอดขายรวมจะเติบโตได้ตามเป้า
ขณะที่ความคืบหน้าในการสร้างคลังกระจายสินค้าแห่งใหม่ ที่อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ขนาด 9,500 ตัน ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 62 ใช้งบลงทุนไม่เกิน 600 ล้านบาท
ส่วนการขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนใหม่ (CLMV) ยังคงทรงตัวจากก่อนหน้านี้ได้ขยายตลาดไปที่เมียนมา และมีแผนขยายตลาดไปที่ลาวเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าในครึ่งปีหลังจะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากความต้องการใช้ก๊าซค่อนข้างสูงในภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรม
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน