ดักเก็บ JWD รับแผนขยายธุรกิจหนุนมาร์จิ้นโตกระฉูด โบรกฯแนะ “ซื้อ” เคาะเป้าสูง 15.50 บ.
ดักเก็บ JWD รับแผนขยายธุรกิจหนุนมาร์จิ้นโตกระฉูด โบรกฯแนะ "ซื้อ" เคาะเป้าสูง 15.50 บ.
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD หลังผู้บริหารเปิดเผยแผนการขยายธุรกิจด้านการขนส่งทางอากาศให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 40% จากเดิม 10% ซึ่งหากมีการเพิ่มสัดส่วนได้ตามจำนวนดังกล่าว จะส่งผลให้มีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจขนส่งทางอากาศมีมาร์จิ้นสูงสุด รองลงมาคือ ธุรกิจขนส่งทางบก และธุรกิจขนส่งทางทะเลตามลำดับ
นอกจากนี้ จากการสำรวจราคาหุ้น JWD ปัจจุบันพบว่าอยู่ในช่วงขาลงมานาน นับตั้งแต่ราคาปิดที่ระดับ 12.10 บาท เมื่อวันที่ 16 ก.พ.61 และปรับตัวลงต่ำสุดที่ระดับ 7.50 บาท เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 61 หรือคิดเป็นการปรับตัวลดลง 38% จึงเป็นจุดที่น่าสนใจในการเข้าเก็บหุ้น JWD ในช่วงราคาที่ยังไม่สูงนัก
ขณะที่ราคาหุ้น JWD ปิดตลาดวานนี้ (30 พ.ค.61) ที่ระดับ 7.85 บาท ลบ 0.30 บาท หรือ 3.68% สูงสุดที่ระดับ 8.15 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 33.84 ล้านบาท
ขณะที่ราคาหุ้น JWD ปิดตลาดวานนี้ (30 พ.ค.61) ที่ระดับ 7.85 บาท ลบ 0.30 บาท หรือ 3.68% สูงสุดที่ระดับ 8.15 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 33.84 ล้านบาท
ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น JWD ในราคาเหมาะสม 15.50 บาท (DCF) โดยประมาณการรายได้และผลประกอบการเพื่อรอดูการเปลี่ยนธุรกิจของ JWD จากผู้ให้บริการธุรกิจแบบเดิมเป็นการบริการแบบครบวงจรหนุนการเติบโตในอนาคต และการขยายธุรกิจจากทั้งห้องเย็นในไทยและต่างประเทศ รวมถึงโอกาสในการทำ M&A ที่เวียดนามจะช่วยชดเชยผลการขายห้องเย็นเข้ากอง REIT
ด้านบล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น JWD ในราคาเป้าหมาย 14 บาท โดยคาดทิศทางการโตของ JWD จะมีลักษณะเป็นขั้นบันได รับแรงหนุนจากภาวะการส่งออกที่ยังมีแนวโน้มเติบโตดี ทำให้คาดอัตราการเช่าคลังสินค้าจะทรงตัวในระดับสูง
อีกทั้งตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/61 คาดรับรู้รายได้จากการปรับปรุงคลังสินค้าทั่วไปในเขตบางนา (พื้นที่ 6,000 ตร.) เป็นคลังเย็นที่มีมาร์จิ้นสูงขึ้น รวมทั้งคาดเริ่มเห็นความคืบหน้าของแผนทุนขยายธุรกิจเชิงรุกร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างเครือข่ายบริการโลจิสติกส์ครบวงจรที่เชื่อมโยงและครอบคลุมพื้นที่ในอาเซียนมากขึ้น
ทั้งการพัฒนาพื้นที่เดิมใน ลาว พม่า และกัมพูชา และการเติบโตของธุรกิจใหม่ อาทิ บ.ร่วม PT Samudera JWD (JWD ถือหุ้น 49%) ดำเนินธุรกิจให้บริการคลังเย็นในอินโดนีเซียที่ยังมีความต้องการพื้นที่เก็บสินค้าจาก Supplier อยู่มาก รวมทั้ง บ.ย่อย Global Foodservice Network (JWD ถือหุ้น 99%) ที่นำเงินไปลงทุนใน CSLF ธุรกิจบริการด้านอาหารครบวงจรในไต้หวัน ซึ่งมีแผนรุกตลาดอาเซียนร่วมไปกับแผนขยายคลังสินค้าเย็นของ JWD ทำให้คงคาดปี 2561 บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 270 ล้านบาท โต 34.4% จากปีก่อน และโตต่อ 17.6% ในปี 2562 ได้ตามประมาณการเดิม
ขณะเดียวกัน บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 12.70 บาท โดยบริษัทยังคงมุ่งมั่นในการขยายกิจการทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคนี้ โดยเน้นไปที่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจในปัจจุบัน โดยคาดหวังจะสามารถขยายกิจการในธุรกิจการให้บริการด้านอาหารในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และสิงคโปร์ภายในครึ่งหลังของปีนี้
ขณะที่ธุรกิจห้องเย็นในเวียดนามถือเป็นจุดสนใจสำคัญ นอกจากนี้ยังเล็งโอกาสในอีกหลากหลายธุรกิจทั้งลานพักรถยนต์, ลานบริหารสินค้าอันตรายและเฟรด อีกหลายประเทศ ขณะที่การขยายการลงทุนในไทยยังเป็นไปตามแผน ทั้งห้องเย็น พื้นที่เก็บของส่วนบุคคลและการขนสินค้า
โดยล่าสุดได้รับงานจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยให้รับขนสินค้าจากรถไฟไปยังท่าเรือในแหลมฉบัง สำหรับธุรกิจในปัจจุบันถือว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น โดยบริษัทคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1/2561 จะเป็นจุดที่ต่ำสุดหลังหลายธุรกิจมีทิศทางผลประกอบการที่ดีขึ้น