SGP น่าเก็บ ลุ้นกำไร Q2 โตแกร่งรับยอดขาย LPG พุ่งแรง หนุนรายได้ทั้งปี “นิวไฮ” ต่อเนื่อง
SGP น่าเก็บ ลุ้นกำไร Q2 โตแกร่งรับยอดขาย LPG พุ่งแรง หนุนรายได้ทั้งปี "นิวไฮ" ต่อเนื่อง
เข้าสู่เดือนสุดท้ายในช่วงไตรมาส 2/61 ทำให้มีบทวิเคราะห์ประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP หลังพบว่าในช่วงไตรมาส 2 /61 บริษัทมียอดขายเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงมั่นใจว่าจะหนุนให้ยอดขายทั้งปีเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
โดยนายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ SGP เผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 61 คาดยอดขาย LPG จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือประมาณ 3.5 ล้านตัน เทียบปีที่ผ่านมียอดขายกว่า 3.2 ล้านตัน
ขณะที่รายได้ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 60,000 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้ยอดขายจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากความต้องการใช้ก๊าซ LPG ในประเทศแถบเอเชียตะวันตกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตลาดจีนที่ความต้องการใช้ก๊าซ LPG เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงคาดว่ายอดขาย LPG ในประเทศมาเลเซีย ในช่วงปลายปีจะเพิ่มขึ้นภายหลังจากการก่อสร้างคลัง และโรงบรรจุก๊าซ LPG ในประเทศมาเลเซียฝั่งตะวันตกแล้วเสร็จ
สำหรับในปี 61 บริษัทฯได้ตั้งงบลงทุนที่ 2,000 ล้านบาทสำหรับขยายธุรกิจ ซึ่งบริษัทยังคงมองหาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับธุรกิจ ทั้งในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าหรือธุรกิจ LNG เพื่อก้าวสู่ผู้นำด้านพลังงานครบวงจรในภูมิภาคเอเชียภายในปี 65
สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้า ล่าสุดในเดือนเม.ย. 2561 ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าพลังงานดีเซลในเมียนมา ได้เริ่มดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับสหกรณ์หมู่บ้าน โดยมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 10 เมกะวัตต์ (MW) โดยบริษัทฯ จะเริ่มบันทึกรายได้เข้ามาในผลประกอบการไตรมาส 2/61
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าดังกล่าวถือเป็นโรงไฟฟ้าโครงการที่ 2 ของบริษัท ภายหลังจากที่ได้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 230 เมกะวัตต์ ในปี 2560 โดยบริษัทฯ เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 36.1% ทำให้มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนปีประมาณละ 250 ล้านบาท และอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ประจำ (Recurring Income) และกระจายความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว
ด้านนักวิเคราะห์ บล. บัวหลวง ระบุว่า SGP เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลเกิน 5% ต่อปี ปัจจุบันมีค่าพีอีเรโชว์ (P/E) ต่ำเพียง 9 เท่า แถมยังมีศักยภาพในการเติบโตต่อจากนี้ไปได้อีกมาก ทั้งจากยอดขายแก๊สในและต่างประเทศ,การขยายโรงไฟฟ้าในต่างประเทศและความร่วมมือกับEGATInter, ลุ้นโอกาสนำเข้าแก๊สขายให้กับ EGAT, มี Hidden asset จำนวนมากพร้อมจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ
ขณะที่การขายแก๊สในประเทศ ซึ่งบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 รองจาก ปตท. ทั้งภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรม นับแต่บริษัทเริ่มนำเข้าแก๊สเองตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีต้นทุนที่ถูกลง และการบริหารจัดการโลจิสติกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ปัจจุบันบริษัทนำเข้าแก๊สเองราว 50% ของปริมาณขายในประเทศ ซึ่งประมาณการกำไรมี upside risk จากการที่บริษัทเพิ่มสัดส่วนการนำเข้าเองเพื่อขยายตลาดในประเทศไปสู่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของกำไรมีโอกาสเติบโตได้ดีกว่าคาดจากการลงทุนในโครงการใหม่ (1) คลังแก๊ส LPG ที่มาเลเซียขนาด 5 พันตัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/61 ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายในมาเลเซีย ให้ดีขึ้นจากปัจจุบันที่ระดับ 3,000 ตัน/ปี เป็น 10,000 ตัน/ปี (2) การร่วมทุนสร้างคลังแก๊สและท่าเรือที่อินโดนีเซียขนาด 3-5 พันตัน จะหนุนปริมาณขายเพิ่มจากจากปัจจุบันมีการส่งออกแก๊สให้ลูกค้าเพียงอย่างเดียว
(3) การ M&A เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในโรงไฟฟ้าขนาด 230MW ที่พม่า ซึ่งปัจจุบันบริษัทถือหุ้นอยู่ 36.1% โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้ได้จ่ายไฟเข้าระบบแล้ว และยังมีโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่จะขายไฟโดยตรงให้ชุมชนที่เตรียมพัฒนาเพิ่มขึ้นอีก (4) การเปิดเสรีนำเข้าแก๊สเต็มรูปแบบได้เปิดโอกาสให้ SGP ที่ร่วมกับ EGAT-I มีโอกาสเข้าร่วมประมูลงานนำเข้า LNG เพื่อขายให้ EGAT ใช้ผลิตไฟฟา โดยขั้นแรกจะเปิดให้เอกชนเข้าประมูลก่อนที่ 1.5 ล้านตัน