ดีเดย์ NFC หวนเทรดวันแรกลุ้นราคาพุ่งแรง รับธุรกิจโฉมใหม่ “ปิโตรเคมีฯ”

ดีเดย์ NFC หวนเทรดวันแรกลุ้นราคาพุ่งแรง รับธุรกิจใหม่ "ปิโตรเคมี" หลังถูกพักการซื้อขายยาวนานกว่า 15 ปี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 มิ.ย.61) บริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ NFC จะกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุตสาหกรรม หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หลังพ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนหลังปฏิบัติตามข้อกำหนดของการพ้นเหตุเพิกถอนหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว

ทั้งนี้ การกลับเข้ามาซื้อขายวันแรกจะไม่มีกำหนดราคาสูงสุดและต่ำสุด ขณะที่ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ของ NPC ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2546 ที่ระดับ 0.14 บาท

โดย NFC จะกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งในกลุ่มอุตสาหกรรม หมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ โดยเปลี่ยนธุรกิจหลักจากการจำหน่ายปุ๋ยภายใต้ชื่อ “บริษัท ปุ๋ยเอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน)” มาเป็นการประกอบธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายแอมโมเนีย แอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ และกรดกำมะถัน รวมทั้งให้บริการคลังสินค้า โลจิสติกส์ และท่าเทียบเรือ โดยการซื้อและรับโอนกิจการบางส่วนจาก C&A โดยใช้ชื่อใหม่ว่า “บริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน)” ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา

ด้านนายณัฐภพ รัตนสุวรรณทวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NFC เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง ในวันที่ 15 มิ.ย.61 หลังจากในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับโครงสร้างการบริหาร ปรับโครงสร้างธุรกิจ และโครงสร้างหนี้  และมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง กำไรต่อเนื่องติดต่อกัน จนพ้นเหตุแห่งการเพิกถอน และสามารถกลับเข้ามาซื้อขายได้ตามปกติ

โดยการดำเนินธุรกิจของ NFC ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ การจำหน่ายเคมีภัณฑ์และการให้บริการ 1.การจำหน่ายเคมีภัณฑ์เป็นรายได้หลักของบริษัทมาจากการนำเข้าและจำหน่ายเคมีภัณฑ์ ประเภทแอมโมเนีย แอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ และกรดกำมะถัน 2.การให้บริการแบ่งเป็นการให้บริการคลังสินค้า สำหรับผู้ใช้บริการที่ต้องการใช้พื้นที่สำหรับกองเก็บวัตถุดิบ และสินค้าสำเร็จรูป การให้บริการด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าเหลว สำหรับจัดเก็บแอมโมเนียและกรดกำมะถัน และการให้บริการท่าเทียบเรือ

โดยที่ผ่านมา NFC ได้มีการปิดโรงงานปุ๋ยและเลิกทำธุรกิจนั้น และเปลี่ยนมาดำเนินธุรกิจเป็นการจำหน่ายเคมีภัณฑ์และการให้บริการรองรับด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้า ซึ่งทำให้รายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะขยายไลน์ธุรกิจเพิ่มเติม อาทิ โครงการปรับปรุงคลังสินค้าพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า พร้อมขยายฐานลูกค้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และโครงการพัฒนาคลังสินค้าเหลวเพิ่มเติม

รวมถึงขอใช้พื้นที่เพื่อพัฒนาคลังสินค้าเหลวเพิ่มเติมจาก กนอ.ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณไตรมาสสุดท้ายของปีนี้  ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในอนาคตจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรของ NFC ในอนาคตเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

“การกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯของ NFC ในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของหุ้น Resume Trade เนื่องจากเป็นบริษัทแรกที่ผลการดำเนินงานไม่มีตัวเลขขาดทุนสะสมติดมาเลย ในปัจจุบันนี้มีกำไรสะสม 243  ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อเนื่องมายาวนานถึง 9 ไตรมาส  อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนแทบเป็นศูนย์ปัจจุบัน D/E อยู่ที่ 0.21 เท่า และขณะนี้มีกระแสเงินสดในมือ 400 ลบ. จัดได้ว่ามีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการรุกขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตได้อย่างไม่ต้องกังวลใดๆ” นายณัฐภพ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในปี (58-60)  มีกำไรสุทธิ 80.37 ล้านบาท 397.00 ล้านบาท และ 214.69 ล้านบาท ตามลำดับ ล่าสุด ในไตรมาส 1/61 มีกำไรสุทธิ 26.21ล้านบาท มีรายได้รวม 300.12 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 285.85 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ประมาณ 80% มาจากรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เคมี ส่วนที่เหลือประมาณ 20% มาจากการให้บริการ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในปี (58-60) อยู่ที่  21.52% 26.31% และ 26.11% ตามลำดับ ส่วนในไตรมาส 1/61 อยู่ที่ 23.45%

ล่าสุดได้มีการเพิ่มราคาพาร์จาก 0.50 บาท มาเป็น 1.25 บาท ทำให้จำนวนหุ้นลดลงมาเหลือ 1,087.83 ล้านหุ้นจากเดิม 2,719.58 ล้านหุ้น และลดทุนจดทะเบียนมาเป็น 815.87 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,359.79 ล้านบาท ด้วยการลดพาร์จาก 1.25 บาท มาเป็น 0.75 เพื่อล้างขาดทุนสะสม

อนึ่งก่อนหน้านี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศให้ NFC เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2546 เนื่องจากงบการเงินประจำปี 2545 ปรากฏส่วนผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์ รวมทั้งผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัทเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน ต่อมา NFC ได้ยื่นคำขอพ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนและขอให้เปิดซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์

โดยบริษัทได้ปรับปรุงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานแล้ว ซึ่งปัจจุบัน NFC ประกอบธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายแอมโมเนีย แอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ และกรดกำมะถัน รวมทั้งให้บริการคลังสินค้า โลจิสติกส์ และท่าเทียบเรือ ขณะที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเป็นเวลา 1 ปี และงวดสะสมก่อนยื่นคำขอ ซึ่งพิจารณาจากงบการเงินประจำปี 2560 เท่ากับ 92 ล้านบาท และงบการเงินงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561 เท่ากับ 18 ล้านบาท โดยมีส่วนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 เท่ากับ 986 ล้านบาท รวมทั้งสามารถแสดงได้ว่าบริษัทมีฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่มั่นคงตามสภาพธุรกิจของบริษัทไปอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารงาน (Strategic Shareholders) ของ NFC จำนวน 1 ราย นำหุ้นรวมกัน 598,308,181 หุ้น (ร้อยละ 55 ของทุนชำระแล้ว) ได้ให้คำรับรองต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าจะไม่นำหลักทรัพย์ดังกล่าวของตนออกขายภายใน 1 ปี (Silent Period) นับแต่วันที่หลักทรัพย์ของ NFC กลับมาซื้อขาย โดยได้รับการผ่อนผันให้เมื่อครบกำหนด 6 เดือน สามารถทยอยขายหลักทรัพย์ดังกล่าวได้ในจำนวนร้อยละ 25 ของจำนวนหลักทรัพย์ที่ถูกห้ามขายตลาดหลักทรัพย์ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า NFC มีคุณสมบัติครบถ้วนตามแนวทางดําเนินการเพื่อขอพ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนแล้ว จึงเห็นควรให้หลักทรัพย์ของ NFC พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน

Back to top button