เปิด 3 หุ้นเสี่ยงแบกต้นทุนพุ่ง หลังครม.ห้ามนำเข้ามะพร้าว 3 เดือนเต็ม
เปิด 3 หุ้นเครื่องดื่มเตรียมแบกต้นทุนเพิ่ม หลังครม.ห้ามนำเข้ามะพร้าว 3 เดือนเต็ม!
สืบเนื่องจากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (17 ก.ค.) กระทรวงพาณิชย์ เสนอมาตรการยุติการนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศ เป็นระยะเวลา 3 เดือนนับจากเดือนสิงหาคม จนถึงเดือนตุลาคม 2561 เพื่อแก้ไขปัญหาราคามะพร้าวภายในประเทศตกต่ำ เพื่อผลักดันราคามะพร้าวในประเทศให้เพิ่มเป็น 8-12 บาทต่อลูก จากปัจจุบัน 4-6 บาทต่อลูก
ทั้งนี้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ซึ่งมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบการกำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขสถานการณ์ราคามะพร้าวตกต่ำ และช่วยเหลือเกษตรกรไทย
โดยมาตรการดังกล่าวจะกำหนดการห้ามนำเข้ามะพร้าวชั่วคราวในช่วงเวลา 3 เดือน (สิงหาคม-ตุลาคม) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผลผลิตมะพร้าวกำลังออกสู่ตลาด ซึ่งจะทำให้ราคามะพร้าวทรงตัวและค่อยๆขยับขึ้น เนื่องจากในช่วงปี 2558-2560 ที่ผ่านมามีความต้องการใช้มะพร้าวกว่า 1.25 ล้านตัน ขณะที่เพาะปลูกเองได้เพียง 8.7 แสนตัน/ปี จึงจำเป็นต้องนำเข้าส่วนต่างจากต่างประเทศ แต่ที่ผ่านมาปี 59 ไม่ประสบปัญหาราคามะพร้าวตกต่ำ เพราะช่วงนั้นมีวิกฤตการณ์แมลงศัตรูพืช ทำให้ปริมาณผลผลิตลดลง พอมาปี 61 ไม่มีปัญหาแมลงศัตรูพืชระบาดแล้ว และผลผลิตต่อไร่ยังสูงขึ้น ทำให้ราคาตกลงมาจาก 132 บาท/กก. เมื่อตอนต้นปี มาอยู่ที่ 5 บาท/กก.
ทั้งนี้ จากประเด็นดังกล่าว “ผู้สื่อข่าว” คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าว ทั้งประเภทอาหาร และเครื่องดื่มในแง่ของต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการแปรรูปมะพร้าวในประเทศไทยมีการนำเข้ามะพร้าวจากประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนามที่มีราคาถูกกว่ามะพร้าวในประเทศเข้ามาเป็นส่วนใหญ่
โดย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.– เม.ย.2561 ประเทศไทยนำเข้ามะพร้าวจากอินโดนีเซีย 98,817.1 ตัน มูลค่า 994.2 ล้านบาท เวียดนาม 29,756.1 ตัน มูลค่า 291.9 ล้านบาท เมียนมาร์ 184.6 ตัน มูลค่า 2.3 ล้านบาท และมาเลเซีย 167.1 ตัน มูลค่า 2.1 ล้านบาท ผ่านด่านตรวจพืชของกรมวิชาการเกษตร จำนวน 128,924.9 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 1,290.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันราคามะพร้าวในประเทศอยู่ที่ 5-6 บาทต่อผล ค่าจ้างเก็บ ค่ารวมกองและค่า ส่งประมาณ 2.5 บาทต่อลูก กำไรประมาณ 1 บาทต่อลูก
ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการสำรวจหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม โดย SAPPE ได้ถือหุ้นอยู่ในบริษัท ออล โคโค ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแปรรูปจากมะพร้าว ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมน้ำมะพร้าวน้ำหอม และขนมจากน้ำมะพร้าวน้ำหอมในสัดส่วน 40% ด้านราคาหุ้นวานนี้ปิดที่ระดับ 24.50 บาท ปรับตัวลดลง 0.75 บาท หรือ 2.97% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 22.07 ล้านบาท
อีกทั้ง บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPCO ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้รวมและเครื่องดื่มบรรจุพร้อมดื่ม ภายใต้เครื่องหมายการค้าหลัก TIPCO โดยราคาหุ้นวานนี้ปิดที่ระดับ 73.75 บาท ปรับตัวลดลง 0.50 บาท หรือ 0.67% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.90 พันล้านบาท
ขณะที่ บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE ผู้ผลิตและจำหน่ายผลไม้กระป๋องและน้ำผลไม้ภายใต้เครื่องหมายการค้า มาลี โดยราคาหุ้นวานนี้ปิดที่ระดับ 12 บาท ปรับตัวลดลง 0.20 บาท หรือ 1.64% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 10.26 ล้านบาท