SCC ประกาศงบฯ วันนี้ ลุ้นกำไรโตแตะ 1.35 หมื่นลบ. รับแรงหนุนธุรกิจปิโตรเคมี
SCC ประกาศงบฯ วันนี้ ลุ้นกำไรโตแตะ 1.35 หมื่นลบ. รับแรงหนุนธุรกิจปิโตรเคมี
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC หลังเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2/61 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่า SCC จะประกาศกำไรประจำไตรมาส 2/61 ในวันนี้ (25 ก.ค.) โดยมองว่ากำไรไตรมาส 2/61 จะทำได้เพียงแค่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน ซึ่งนับว่าผลการดำเนินงานยังคงอ่อนแอต่อเนื่องจากไตรมาส 1/61 ที่กำไรหดตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน
โดยในไตรมาส 2/61 ธุรกิจปิโตรเคมีคาดว่าจะมีส่วนต่าง (สเปรด) อ่อนตัวลงจากไตรมาสแรก แต่ยังทรงตัวระดับแข็งแกร่ง รวมถึงมีเงินปันผลรับเข้ามามากขึ้น ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างอาจชะลอตามฤดูกาล แต่ก็มีสัญญาณที่ดีจากความต้องการทั้งตลาดในและต่างประเทศที่เริ่มดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประเมินแนวโน้มกำไรทั้งปี 61 ของ SCC จะหดตัวลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จากผลกระทบทั้งในส่วนของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูง ผลักดันให้ต้นทุนแนฟทาซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของธุรกิจปิโตรเคมีปรับตัวสูงขึ้นด้วย แต่ด้วยราคาหุ้น SCC ที่ลดลงมามากนั้นได้สะท้อนผลกำไรที่อ่อนแอไปแล้ว และทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเพิ่มขึ้นเป็นราว 4% ประกอบกับสเปรดปิโตรเคมียังอยู่ในเกณฑ์ดี และธุรกิจซีเมนต์มีสัญญาณดีขึ้น ยังเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุน
โดยราคาหุ้น SCC ปิดตลาดวานนี้ (24 ก.ค.61) ที่ระดับ 436 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท หรือคิดเป็น 1.40% สูงสุดที่ระดับ 440 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 434 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1.79 พันล้านบาท
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ SCC ในไตรมาส 2/61 จะทรงตัวจากสเปรดผลิตภัณฑ์ธุรกิจปิโตรเคมีอาจจะปรับลงเล็กน้อยกว่าไตรมาสก่อน แต่ยังคงทรงตัวได้อยู่ในระดับสูง แต่ตามปกติไตรมาส 2 จะมีรายได้จากเงินปันผลจากบริษัทร่วมเข้ามา ประกอบกับส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทร่วมทุนจะเพิ่มกลับมาเป็นปกติหลังสิ้นสุดการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน
อย่างไรก็ตามแนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมียังคงแข็งแรงตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภค ขณะที่ธุรกิจปูนซีเมนต์น่าจะค่อยฟื้น ๆ ตัว โดยภาพระยะยาวของ SCC ที่ยังคงมีความมั่นคง ฐานะทางการเงินแข็งแรง
ส่วนนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินกำไรในไตรมาส 2/61 ของ SCC มีแนวโน้มทรงตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากการกลับมาเดินเครื่องอีกครั้งของโรงงานของบริษัทร่วมทุน น่าจะถูกกลบด้วยผลกระทบจากสเปรดผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ที่อ่อนตัวลง เป็นผลจากความต้องการลดลงในช่วงโลว์ซีซั่นและอุปทานที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่โรงงานเริ่มกลับมาผลิตอีกครั้งหลังผ่านฤดูหนาว
อีกทั้งมีสัญญาณฟื้นตัวในธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง โดยการเริ่มก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลเป็นไปตามแผน น่าจะหนุนให้ความต้องการใช้ซีเมนต์ของภาครัฐฯเติบโตต่อเนื่องในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ส่วนความต้องการใช้ซีเมนต์สำหรับการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชน์ก็ดูจะดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 61 จากการเปิดโครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และศูนย์การค้าที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ราคาซีเมนต์เริ่มขยับขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยราคาซีเมนต์เพิ่มขึ้น 3% จากงวดปีก่อนและไตรมาสก่อน นับเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 ปี และการปรับขึ้นครั้งนี้มากกว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลให้อัตรากำไรขยายตัวด้วย
ทั้งนี้ มองว่า SCC เป็นบริษัทที่เหมาะสำหรับถือรับปันผล ด้วยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 4% แม้ผลประกอบการอาจไม่เติบโตในระยะสั้น แต่กระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และเงินสดในมือที่มีอยู่มาก รวมการใช้เงินลงทุนที่น้อยลงเนื่องจากโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในประเทศเวียดนามล่าช้าออกไป อาจส่งผลให้ SCC เพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลมากขึ้น
ขณะที่ นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส มองว่ากำไรสุทธิของ SCC ในไตรมาส 2/61 จะฟื้นตัวมายืนเหนือระดับ 1.35 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดปีก่อนและไตรมาสก่อน จากแรงหนุนของธุรกิจปิโตรเคมี ที่เชื่อว่าสเปรดปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์จะยังทรงตัวในระดับสูง ซึ่งจะส่งผลบวกเต็มที่ในงวดไตรมาสนี้ หลังจากที่ในไตรมาสก่อน SCC ได้มีการขายสินค้าล่วงหน้า 1 เดือนเศษทำให้ไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่จากสเปรดผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้นในไตรมาสแรก
ประกอบกับโรงงานของบริษัทร่วมทุนในธุรกิจปิโตรเคมีที่หยุดซ่อมบำรุงได้กลับมาเปิดการผลิตตั้งแต่เดือนเม.ย. ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งกำไรกลับเข้าสู่ระดับปกติอีกครั้ง รวมถึงจะมีเงินปันผลจากธุรกิจลงทุนที่จะเข้ามาในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 4 ของทุกปี อีกราว 1.5-2 พันล้านบาท
ส่วนแนวโน้มธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในไตรมาส 2/61 น่าจะชะลอตัวลงจากไตรมาสแรกที่นับว่าเป็นไฮซีซั่นของภาคการก่อสร้างในแต่ละปี แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนน่าจะเติบโตขึ้น จากสัญญาณการฟื้นตัวของความต้องการใช้ในประเทศ หลังโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯเริ่มเดินหน้า
ทั้งนี้ แม้กำไรของ SCC ในไตรมาส 1/61 จะทำได้ที่ระดับ 1.24 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 23.6% ของประมาณการกำไรทั้งปี 61 ที่ 5.26 หมื่นล้านบาท ซึ่งลดลงจากระดับ 5.5 หมื่นล้านบาทในปี 60 อย่างไรก็ตามมีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการในไตรมาสที่เหลือของปีนี้ ที่คาดว่าจะทำได้ดีขึ้น และหุ้น SCC ยังมีความน่าสนใจจาก Valuation ที่มี PER ต่ำเพียง 11.46 เท่า