เปิด 3 หุ้นโรงกลั่นราคาวิ่งแรงเกินเหตุ ผลงานไม่สดใส-อัพไซด์เริ่มจำกัด!
เปิด 3 หุ้นโรงกลั่นราคาวิ่งแรงเกินเหตุ ผลงานไม่สดใส-อัพไซด์เริ่มจำกัด!
ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงเดือนกรกฏาคม ปรับตัวขึ้นแรงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 กำไรเติบโตมากกว่าที่มีการคาดการณ์เอาไว้ โดยส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กลุ่มที่มีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องคือ กลุ่มผู้ดำเนินธุรกิจโรงกลั่น อาทิ IRPC , TOP ,PTTGC ,ESSO ,SPRC และ BCP โดยหุ้นโรงกลั่นบางตัวปรับตัวขึ้นแรงส่งผลให้อัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ให้เริ่มมี่จำกัด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/2561 ยังไม่สดใสนัก จึงมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงหลังจากนี้
โดย บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ก.ค.2561) โดยมองว่า ส่วนธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี แม้คาดไตรมาส 2/2561 กำไรสุทธิเติบโตจากไตรมาสก่อน หลักๆ มาจากการบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมัน ทั้ง IRPC (Buy : [email protected]) และ TOP (Switch : FV@B93) (ยกเว้น PTTGC (Buy : FV@B98) คาดกำไรสุทธิลดลงจากไตรมาสก่อน) แต่ในส่วนของผลการดำเนินงานปกติคาดอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าการกลั่นที่ลดลง เช่นเดียวกับ spread ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อ่อนตัวลงในสายอะโรเมติกส์ (ยกเว้นสายโอเลฟินส์ยังทรงตัวได้)
ขณะที่ ไตรมาส 3/2561 คาดผลการดำเนินงานอ่อนตัวจากไตรมาสก่อนต่อ เนื่องจากเข้าสู่ช่วง low season, แผน shutdown โรงกลั่น และ supply ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีใหม่ที่จะผลิตเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้จะไม่มีการบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมันในระดับสูงเช่นในงวดไตรมาส 2/2561 อีกทั้งอาจจะเผชิญกับขาดทุน FX จากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่ฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงนี้มาจากการเก็งกำไรตามค่าการกลั่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงสั้น แต่หากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานแล้วมีโอกาสที่ราคาจะปรับลงได้หลังจากนี้ จึงแนะนำหาจังหวะทยอยขายทำกำไร และกลับมาลงทุนหลัง ไตรมาส 3/2561 แต่สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้วแนะนำถือต่อในหุ้นที่เงินปันผลที่ค่อนข้างสูง ซึ่งทั้ง PTTGC, IRPC และ TOP มี Div. Yield สูงกว่า 5%p.a.
ด้าน บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองว่า กลุ่มโรงกลั่นคาดกำไรจะอ่อนแอเพราะค่าการกลั่นที่อ่อนตัวลง โดย BCP คาดกำไรหดตัวแรงสุด สำหรับ BANPU คาดจะรายงานกำไรโดดเด่นที่สุดเพราะทั้งธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้าแข็งแกร่ง ในกลุ่มชอบ TOP มากที่สุดเพราะ valuation ที่ถูก PE 8.7x และปันผลสูง 5.4%
ทั้งนี้ 3 บจ.ในกลุ่มโรงกลั่นที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัพไซด์จากราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์เหลือไม่เกิน 15% ประกอบด้วย TOP ,ESSO และBCP
โดย บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ราคาปิดล่าสุด ณ วันที่ 25 ก.ค.61 อยู่ที่ระดับ 81.25 บาท จากราคาเป้าหมาย บล.เอเซีย พลัส ที่ 93 บาท ส่งผลให้อัพไซด์เหลือเพียง 14.46%
ขณะที่ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ราคาปิดล่าสุด ณ วันที่ 25 ก.ค.61 อยู่ที่ระดับ 14.20 บาท จากราคาเป้าหมาย บล.ไทยพาณิชย์ ที่ 14 บาท ส่งผลให้เป็นดาวไซด์ 1.41%
อีกทั้ง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ราคาปิดล่าสุด ณ วันที่ 25 ก.ค.61 อยู่ที่ระดับ 34.75 บาท จากราคาเป้าหมาย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ที่ 40 บาท ส่งผลให้อัพไซด์เหลือ 15% อย่างไรก็ตาม บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำถือหุ้น BCP โดยคาดว่าจะประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 24% จากปีที่แล้ว และ 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา รายรับที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากราคาที่สูงขึ้นของตลาดหุ้นถึง 839 ล้านบาทในไตรมาสนี้
ทั้งนี้ ถึงแม้ราคาเป้าหมายจะตั้งอยู่ที่ 40 บาท/หุ้น โดยคำนวนจาก SOTP ก็ตาม BCP จะยังเป็นหุ้นที่น่าลงทุนแค่ในช่วงระยะสั้น เนื่องจากยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นไปได้สูงกว่าจากราคาที่คาดการณ์ ซึ่งคำนวนจากรายรับของไตรมาส 2
อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มโรงกลั่นที่มีการปรับตัวขึ้นสูงแล้ว แต่ยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายจากนักวิเคราะห์สูงเกิน 15% ประกอบด้วย IRPC , PTTGC และSPRC
ทั้งนี้ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ราคาปิดล่าสุด ณ วันที่ 25 ก.ค.61 อยู่ที่ระดับ 6.50 บาท จากราคาเป้าหมาย บล.เอเซีย พลัส ที่ 7.7 บาท เท่ากับว่ายังมีอัพไซด์เหลือ 18.46%
อีกทั้ง บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ราคาปิดล่าสุด ณ วันที่ 25 ก.ค.61 อยู่ที่ระดับ 81.25 บาท จากราคาเป้าหมาย บล.เอเซีย พลัส ที่ 98 บาท เท่ากับว่ายังมีอัพไซด์ 20.62%
ด้าน บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ราคาปิดล่าสุด ณ วันที่ 25 ก.ค.61 อยู่ที่ระดับ 14.70 บาท จากราคาเป้าหมาย บล.ไทยพาณิชย์ ที่ 20 บาท เท่ากับว่ายังมี 36.05%