SGP ฉายแววเด่น งบฯ Q2/61 พลิกกำไร 600 ลบ. รับราคา LPG พุ่งกระฉูด
SGP ฉายแววเด่น งบฯ Q2/61 พลิกกำไร 600 ลบ. รับราคา LPG พุ่งกระฉูด
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ เกี่ยวกับหุ้นบริษัท บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP หลังมีนักวิเคราะห์ออกมาคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2561 จะพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้ง และฟื้นตัวจากไตรมาส 1/2561
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น SGP ในราคาเป้าหมาย 15 บาทต่อหุ้น โดยประเมินผลการดำเดินงานงวดไตรมาส 2/2561 จะอยู่ที่ราว 600 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนเป็นกำไร และฟื้นตัวจากไตรมาส 1/2561 กว่า 5 เท่าตัว
โดยเป็นผลมาจากราคาแก็สที่วิ่งทะยานขึ้นเป็น 560 เหรียญต่อตัน เพิ่มขึ้นถึง 87.5 เหรียญต่อตัน หลังจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 1/2561 คาดจะส่งผลบวกต่ออัตรากำไรของ SGP ให้กลับสู่ภาวะปกติ ที่ราว 8% เทียบกับไตรมาส 1/2561 ที่อัตรากำไรขั้นต้นเหลือเพียง 3% เพราะราคาแก๊สปรับตัวลงกว่า 108 เหรียญต่อตัน และงบไตรมาส 1 คาดว่าจะเป็นงบที่ต่ำที่สุดของปีนี้ไป
ส่วนไตรมาส 3/2561 คาดกำไรยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากราคาแก๊สที่เป็นขาขึ้นตามฤดูกาลในช่วงไตรมาส 3-4 ของทุกปี โดยปัจจุบันอยู่ที่ราว 550 เหรียญต่อตัน หลังจากที่พุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดของปีที่เกือบ 600 เหรียญต่อตันเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา จะเป็นปัจจัยหนุนให้มาร์จิ้นแก๊สจะยืนสูงต่อเนื่อง นอกจากราคาแก๊สแล้ว ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงในช่วงสู่ 33 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ คาดเป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยหนุนกำไรจากธุรกิจในต่างประเทศ จากการแปลงค่าเงินหลังจากเงินบาทอ่อนค่า
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ขณะนี้แนะนำ “ซื้อ” หุ้น SGP พร้อมให้ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 13.10 บาท โดยเบื้องต้นประเมินผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2561 จะมีกำไรสุทธิประมาณ 600 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนในช่วงเดียวกันของปีก่อน และฟื้นตัวจากไตรมาส 1/2561 ที่มีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท
โดยการเติบโตของผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2561 เป็นผลมาจาก ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในช่วงไตรมาส 2/2561 ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 16.70% (เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2561 ที่ราคาก๊าซ LPG ปรับลงถึง 17%) ดังนั้นคาดว่าจะทำให้สามารถทำกำไรได้จากส่วนต่างราคา ส่งผลให้งวดไตรมาส 2/2561 จะพลิกมามีกำไรจากในไตรมาส 2/2560 ขาดทุน และฟื้นตัวจากไตรมาสแรก
ทั้งนี้ จากการเริ่มบริหารจัดการสินค้าคงคลังได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงราคาแก๊สที่ผันผวน โดยเดิมธุรกิจของ SGP อิงกับราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกเป็นหลัก ซึ่งมีความผันผวนตามปัจจัยฤดูกาลและสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ ทำให้ผลการดำเนินงานมีความผันผวนสูงในแต่ละไตรมาส แต่ล่าสุดจากการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่ดีขึ้น วงจรเงินสด (Cash cycle) ที่สั้นขึ้น แม้งวดไตรมาส 1/2561 ราคาก๊าซในตลาดโลกจะปรับลดลง 17% แต่ SGP ยังรักษากำไรได้ราว 100 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน SGP ยังรุกธุรกิจโรงไฟฟ้าเพื่อเพิ่มรายได้ประจำ (Recurring income) โดยปัจจุบัน SGP ถือหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ประเทศเมียนมา (พม่า) กำลังการผลิตติดตั้ง 230 เมกะวัตต์ (MW) ในสัดส่วน 36.10% โดยประเมินจะมีส่วนแบ่งกำไรให้ SGP ได้เฉลี่ยปีละประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยชดเชยความผันผวนของธุรกิจแก๊สที่เป็น Commodity ได้
นอกจากนี้ยังมีอัพไซด์ (Upside) จากธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ดีมานด์จะเพิ่มขึ้นทุกวัน จากการทดแทนถ่านหิน โดยการเปิดเสรีนำเข้าก๊าซของไทยคาดว่าจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการอย่าง SGP ที่จะขยายธุรกิจไปยัง LNG ซึ่งคาดว่าภาครัฐจะเริ่มทยอยการเปิดเสรี โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) เริ่มเปิดประมูลซื้อก๊าซ LNG เพื่อผลิตไฟฟ้าก่อน ซึ่ง SGP จะจับมือกับ กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนล (EGATi) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ EGAT เข้าร่วมประมูล เมื่อมีการเปิดประมูลเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม Upside ธุรกิจ LNG ที่ประเทศจีนยังเปิดกว้าง โดยปัจจุบันนโยบายภาครัฐของประเทศจีน คือการลดการใช้ถ่านหิน ทำให้คาดดีมานด์ LNG ที่ประเทศจีนจะปรับเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ซึ่งทาง SGP วางแผนที่จะขยายธุรกิจ LNG ที่จีน โดยฝ่ายวิจัยยังไม่รวมในประมาณการฯ ขณะที่ทั้งปี 2561 ประเมินจะมีกำไรสุทธิ 2,118 ล้านบาท ลดลงจากปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 2,811 ล้านบาท