จัดธีมลุย 6 หุ้นโรงกลั่นตัวท็อป พร้อมเด้งรับค่าการกลั่นขาขึ้น-ซัพพลายน้ำมันตึงตัว

จัดธีมลุย 6 หุ้นโรงกลั่นตัวท็อป พร้อมเด้งรับค่าการกลั่นขาขึ้น-ซัพพลายน้ำมันตึงตัว


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ผู้ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน โดยพบว่า เหล่านักวิเคราะห์ คาดว่าผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น  เนื่องจากค่าการกลั่นสูงขึ้นหลังจากแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ซัพพลายในตลาดลดลงหลังจากมีโรงกลั่นขนาดใหญ่ 3 แห่งปิดปรับปรุง

โดย เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดที่โรงกลั่นน้ำมันในแคว้นบาวาเรีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเยอรมนี มีผู้บาดเจ็บ 8 ราย สั่งอพยพประชาชน 1800 คนออกจากพื้นที่โดยเหตุการณ์ระเบิดเกิดขึ้นที่โรงกลั่นน้ำมัน Bayernoil ในเมือง Vohburg an der Donau ในแคว้นบาวาเรียของประเทศเยอรมนี ทางการแคว้นบาวาเรียได้ระดมนักดับเพลิงประมาณ 400 คนเข้าดับไฟขนาดใหญ่ที่กำลังลุกไหม้โรงกลั่นน้ำมัน

ทั้งนี้ โรงกลั่นเบเยอร์นอยล์ เป็นโรงกลั่นที่ส่งน้ำมันให้กับรัฐบาวาเรียในประเทศเยอรมัน และออสเตรียทางเหนือ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในโรงกลั่นที่ใหญ่ และทันสมัยอันดับต้นๆ ในยุโรป โดยโรงกลั่นเบเยอร์นอยล์นั้นมีพลังในการกลั่นน้ำมันได้ถึง 10.3 ล้านตันต่อปี หรือประมาณ 206,000 บาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ เหตุระเบิดในเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2561 นั้นอยู่ในส่วนของโรงกลั่นที่มีพลังในการผลิตอยู่ที่ 120,000 บาร์เรลต่อวัน

ขณะที่ ก่อนหน้านี้ เกิดเหตุโรงกลั่นประเทศบราซิลระเบิดเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยโรงกลั่นดังกล่าวมีกำลังการผลิต 415,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่โรงกลั่นขนาดใหญ่ในประเทศอินเดียปิดซ่อมฉุกเฉินตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ส.ค. 61 เป็นเวลา 45 วัน

ทั้งนี้ในประเด็นดังกล่าวจึงคาดว่าจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกลดลงและคาดว่าจะส่งผลดีต่อกลุ่มโรงกลั่นไทย อาทิ ESSO-SPRC-TOP-BCP-IRPC-PTTGC ในเชิงจิตวิทยา โดยก่อนหน้านี้ประเทศไทยและประเทศจีนส่งออกน้ำมันเบนซินชดเชยส่วนที่ขาดหายไปจากโรงกลั่นในประเทศอินเดียซึ่งต้องปิดซ่อมบำรุงกระทันหัน

 

โดย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ก.ย.61) คาดว่าราคาน้ำมันดิบ BRENT เดือนก.ย.61 จะยังทรงตัวสูงกว่า 70 ดอลลาร์/บาร์เรลได้ แม้ว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันดิบสูง แต่เวเนซูเอลา และอิหร่านผลิตและส่งออกได้น้อยลง

ขณะที่ ค่าการกลั่นในไตรมาส 3/2561 มีแนวโน้มสูงขึ้นจากไตรมาสก่อน เพราะเป็นฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในสหรัฐ ส่วนในไตรมาส 4/2561 ก็มีอุปสงค์น้ำมันกลั่น (ดีเซล & Jet) เพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นฤดูหนาว

 

ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ก.ย.61) เกิดเหตุโรงกลั่นน้ำมันในเมืองโฟร์บวร์ก ของเยอรมันระเบิดและเกิดเพลิงไหม้ ประชาชนในละแวกใกล้เคียง 2,000 คน ต้องอพยพชั่วคราว สำนักข่าว DPA ของเยอรมนีรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดและไฟไหม้โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทบาเยิร์นออยล์ ในเมืองโฟร์บวร์ก แคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ในช่วงเช้าวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 10 ราย

โดยในจำนวนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 ราย รายงานข่าวระบุว่า ประชาชนราว 2,000 คนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงต้องอพยพออกจากบ้านเรือนเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเกิดกลุ่มควันจำนวนมาก แต่จากการตรวจสอบอากาศในภายหลังพบว่าปลอดภัย และประชาชนสามารถกลับบ้านได้แล้ว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่สรุปว่า สาเหตุของการระเบิดเกิดจากอะไร และอยู่ระหว่างการสอบสวน

ทั้งนี้ มีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวดังกล่าว โดย BAYERNOIL ในเมือง Vohburg ในแคว้น Bavaria ตอนใต้ของเยอรมันนี กำลังผลิต 120 KBD ซึ่งขนาดกำลังผลิตประมาณครึ่งหนึ่งเทียบกับขนาดของ IRPC อาจจะต้องปิดซ่อมเป็นเดือนเนื่องจากเกิดความเสียหายมากถึงขั้นอพยพผู้คน คาดว่าจะทำให้อุปทานลดลงและจะส่งผลดีต่อกลุ่มโรงกลั่นไทย ยังคงแนะนำ ซื้อ PTTGC  ราคาเป้าหมาย 107 บาท , TOP 98 บาท, IRPC 7.7 บาท

 

ส่วน บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ IRPC ช่วงครึ่งหลังปีนี้ ยังคงคาดการณ์กำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้น ด้วยแรงหนุนจากการฟื้นตัวของค่าการกลั่นที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตอนปลายไตรมาส 2/61 ประกอบกับผลกระทบจากต้นทุน Crude Premium น่าจะเริ่มคลี่คลายจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ลดลง การเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และความต้องการใช้น้ำมันของประเทศจีนที่อาจชะลอตัว ด้วยผลของสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ขณะที่คาดว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในส่วนของค่าใช้จ่ายพนักงานจะลดลงสู่ระดับปกติ

อย่างก็ตาม ประเมิน Upside จากราคาน้ำมันดิบเริ่มจำกัด ทำให้โอกาสในการรับรู้กำไรจากสต็อกน้ำมันน้อยกว่าครึ่งปีแรก นอกจากนี้ช่วงเดือน ก.ย.ยังมีแผนปิดซ่อมหน่วยผลิตที่เกี่ยวข้องกับโครงการเพิ่มมูลค่าเพื่อผลิตภัณฑ์สะอาด (UHV) บางส่วน เป็นเวลา 26 วัน ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่น และปริมาณการผลิตโพรพิลีนลดน้อยลง แต่คาดผลกระทบจะไม่มากด้วยการเตรียมผลิตไว้ล่วงหน้า บวกกับสเปรดที่แข็งแกร่งของ PP จากอุปทานที่เพิ่มขึ้นอย่างจำกัด สวนทางกับความต้องการใช้

ประกอบกับ ผลประโยชน์จากโครงการการติดตั้งหอกลั่น Max Gasoline Mode เพื่อปรับปรุงน้ำมันเบนซินที่ยังมีส่วนประกอบที่หลากหลาย (gasoline components) ที่เดิมจะต้องส่งออกนำบางส่วนมาแยกสารบางประเภทออกเพื่อให้สามารถนำน้ำมันเบนซินกลับมาขายในประเทศเพิ่มขึ้น และโรงงาน PPC ที่เดินเครื่องได้เต็มที่ 100% จึงน่าจะช่วยรักษาระดับ GIM ซึ่งไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันของทั้งปีนี้อยู่ที่ราว 14-15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

 

ขณะที่ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำ “ซื้อ” TOP ราคาเป้าหมาย 96.50 บาท/หุ้น โดยมองว่างวดไตรมาส 3/2561 คาดธุรกิจโรงกลั่นดีขึ้น แต่สเปรดอะโรเมติกส์ยังกดดัน

โดย ธุรกิจโรงกลั่นปี 61 มีมาร์จิ้นต่ำกว่าปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่ถ้ารวมกำไรจากสต็อกเข้ามาด้วย ก็ทำให้ธุรกิจโรงกลั่นในปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดี

ทั้งนี้คาดธุรกิจโรงกลั่นครึ่งปีหลังของปี 61 ดีขึ้นจากไตรมาส 2/2561 เพราะ Crude Premium ลดลง และไม่มีปิดซ่อมบำรุง รวมทั้งเป็น High Season ของโรงกลั่นดีเซล & Jet แต่ธุรกิจอะโรเมติกส์มีแรงกดดันจากกำลังการผลิตใหม่จากเวียดนามที่เข้ามาและจีนกลับมาผลิตหลังปิดซ่อมบำรุงโรงงานไป

ขณะที่บอร์ดอนุมัติโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project) แล้วเมื่อปลายเดือนมิ.ย.61 ซึ่งโครงการนี้จะทำให้กำลังการผลิตโรงกลั่นเพิ่ม 275KBD เป็น 400KBD และทำให้ประสิทธิภาพโรงกลั่นสูงขึ้น โดยน้ำมันเตาที่มีมาร์จิ้นต่ำจะเป็นศูนย์ (จาก 8% ในปัจจุบัน) และคาดว่าสัดส่วนการใช้น้ำมันดิบหนักจะเพิ่มจากศูนย์เป็น 40% การก่อสร้างใช้เวลา 4 ปี คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในต้นปี 2565 แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 96.50 บาท โดยอิงกับ P/BV ปี 62 ที่ 1.4 เท่า

Back to top button