TPLAS ลงสนามเทรดวันแรก ลุ้นราคาวิ่งทะลุ 2.20 บ. รับพื้นฐานธุรกิจแกร่ง
TPLAS ลงสนามเทรดวันแรก ลุ้นราคาวิ่งทะลุ 2.20 บ. รับพื้นฐานธุรกิจแกร่ง ฟากบล.เออีซี ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 62 ที่ 2.44 บ. ขานรับศักยภาพการเติบโตเด่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (5 ก.ย. 61) บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) จำกัด (มหาชน) หรือ TPLAS จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรม หมวดธุรกิจ สินค้าอุตสาหกรรม โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1.48 บาท
โดย TPLAS มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 100 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 200 ล้านหุ้น โดยหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะทำให้ทุนจดทะเบียน เพิ่มเป็น 135 ล้านบาท หรือคิดเป็น 270 ล้านหุ้น แบ่งเป็นการเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป จำนวนไม่เกิน 58.62 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 10.50 ล้านหุ้น เสนอขายต่อกรรมการและผู้บริหารและพนักงานบริษัทฯจำนวนไม่เกิน 0.88 ล้านหุ้น
สำหรับ TPLAS เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหารประเภท Polypropylene (PP), ถุงบรรจุอาหารและถุงหูหิ้วประเภท High Density Polyethylene (HDPE) ภายใต้ตราสัญญาลักษณ์ “หมากรุก” และฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร Polyvinyl Chloride (PVC) ภายใต้ตราสัญญาลักษณ์ “Vow Wrap”
สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ ถุงพลาสติกบรรจุอาหารประเภทโพลีโพรพิลีน Polypropylene (PP), ถุงพลาสติกบรรจุอาหารและถุงหูหิ้วประเภทโพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง High Density Polyethylene (HDPE) และ ฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร Vow Wrap ประเภทโพลิไวนิลคลอไรด์ Polyvinyl Chloride (PVC)
ทั้งนี้บริษัทมีวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อลงทุนสินทรัพย์ถาวร ประกอบด้วย อาคารโรงงานใหม่ พร้อมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ สำหรับการผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติก กำลังการผลิต 200 ตัน/เดือน คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/61 เป็นต้นไป และการปรับปรุงอาคารโรงงานปัจจุบัน อาคารสำนักงาน นอกจากนี้ บริษัทจะใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการ
ด้าน นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ TPLAS เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ พร้อมเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นในการเป็นผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหารประเภท Polypropylene (PP), ถุงบรรจุอาหารและถุงหูหิ้วประเภท High Density Polyethylene (HDPE) ภายใต้ตราสัญญาลักษณ์ “หมากรุก” และฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร Polyvinyl Chloride (PVC) ภายใต้ตราสัญญาลักษณ์ “Vow Wrap”
สำหรับการเข้าระดมทุนในตลาดในครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น จากเม็ดเงินระดมทุนที่ได้จำนวน 103.60 ล้านบาท โดยบริษัทฯจะนำไปลงทุนสินทรัพย์ในการขยายอาคารโรงงานใหม่ พร้อมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ สำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติก และปรับปรุงอาคารโรงงานเดิม รวมถึงสำนักงานบริษัทฯ เพื่อเป็นการรองรับความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จากถุงพลาสติก และการขยายตลาดมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะเพิ่มกำลังผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด พร้อมกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าทั่วไป และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมอาหารที่ต้องการเก็บรักษาสินค้าและวัตถุดิบให้อยู่ได้นาน หรือห้างสรรพสินค้า และโรงแรมที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ อีกทั้งในอนาคตบริษัทฯมีแผนที่จะเพิ่มช่องทางการตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านตามนโยบายเปิดการค้าเสรี (AEC) มั่นใจหากเดินหน้าตามแผน จะส่งผลให้ผลการดำเนินทางธุรกิจของบริษัทฯปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
โดยปัจจุบัน บริษัทฯมีการผลิตสินค้าขนาดที่ใช้ทั่วไปในตลาดแบบ Mass Production เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติกและฟิล์มถนอมอาหารที่มีมากในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันกำลังการผลิตถุงพลาสติก รวม 10,281.60 ตันต่อปี โดยแบ่งเป็น ถุงพลาสติกประมาณ 850 ตันต่อเดือน ในขณะที่กำลังการผลิตฟิล์มถนอมอาหาร (PVC) อยู่ที่ 1,411.20 ตันต่อปี หรือประมาณ 120 ตันต่อเดือน
“TPLAS จัดเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหารประเภท Polypropylene (PP), ถุงบรรจุอาหารและถุงหูหิ้วประเภท High Density Polyethylene (HDPE) รายแรกที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 5 ของมูลค่าตลาดรวม 10,000 ล้านบาท และมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ“ นายธีระชัย กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของ TPLAS ในปี 2560 มีรายได้จากการขายรวม 530.96 ล้านบาท กำไรสุทธิ 22.09 ล้านบาท และล่าสุด บริษัทฯมีรายได้รวม งวด 6 เดือนปี 2561 ที่ 273.14 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 12.52 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากดีมานความต้องการใช้ถุงพลาสติกยังคงมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯต้องเพิ่มปริมาณกำลังการผลิตถุงพลาสติกของบริษัทฯ เพื่อรองรับกับดีมานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานของ TPLAS โดยคาดว่าในปี 2561 บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 30 ล้านบาท โต 37.5% เทียบกับปีก่อน ด้วยแรงหนุนจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยสะท้อนได้จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงเดือน มิ.ย. ที่เพิ่มขึ้นแตะระดับ 81.3 จุด สูงสุดในรอบ 12 เดือน ซึ่งนับเป็นสัญญาณบวกที่มีต่อความต้องการใช้ถุงพลาสติกเพิ่มตามไปด้วย
รวมทั้งศักยภาพทำกำไรที่คาดว่าจะสูงขึ้นจากผลประหยัดต่อขนาดที่มากขึ้นตามการใช้กำลังผลิตที่สูงขึ้นจากเดิม และ Yield Loss Ratio ที่น้อยลง ส่วนปี 2562 คาดกำไรโตต่อ 25.7% เทียบกับปีก่อน จากแผนเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ด้วยการรุกตลาด Modern Trade และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เครื่องจักรผลิตไลน์ใหม่คาดจะเริ่มดำเนินงานตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/62 ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการผลิตของบริษัทมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมาก และส่งเสริมศักยภาพเติบโตระยะยาวของ TPLAS ให้โดดเด่นขึ้นกว่าเดิม
อีกทั้ง TPLAS ยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งด้วยการเป็นผู้นำในตลาดถุงพลาสติกรายย่อย บวกกับศักยภาพเติบโตมีแนวโน้มสดใสขึ้น หลังเครื่องจักรผลิตไลน์เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/62 เป็นต้นไป ทั้งนี้ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2562 ของ TPLAS ที่ 2.44 บาท โดยอิงวิธี Fwd PER ที่ 17.3 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของ PER ของผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงพลาสติกไทย ซึ่งถือว่าค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเมื่อเทียบกับโอกาสในการเติบโต เพราะคิดเป็น PEG ปี 2562 เพียง 0.7 เท่า