3 โบรกฯ การันตีครึ่งปีหลัง HANA กำไรโตสนั่น รับยอดขายพุ่งกระฉูด

3 โบรกฯ การันตีครึ่งปีหลัง HANA กำไรโตสนั่น รับยอดขายพุ่งกระฉูด


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้น บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA หลังราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอยู่ในแดนบวก แม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมวานนี้ (5 ก.ย.) ปิดลบ 1.64% โดยราคาหุ้น HANA ปิดตลาดวานนี้ที่ 41 บาท บวก 1 บาท หรือ 2.50% สูงสุดที่ 41.75 บาท ต่ำสุดที่ 40.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 502 ล้านบาท ซึ่งยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 45 บาท อยู่ 9.76%

ทั้งนี้พบว่า นักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น HANA และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 45 บาทต่อหุ้น จากเดิม 44 บาทบาทต่อหุ้น ตามการปรับประมาณการกำไรของ บล.กสิกรไทย ขึ้นในปี 2561-63 เนื่องจากมีมุมมองบวกต่อการที่ผู้บริหารยืนยันถึงความต้องการสินค้าที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในครึ่งปีหลังจากการทำ M&A ของลูกค้าเอง, ยอดสั่งซื้อ Sensor สำหรับสมาร์ทโฟนจีนที่กลับมา และการได้ส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มจากคุณภาพการผลิตของบริษัทฯที่ปรับดีขึ้น

ดังนั้น จึงคาดกำไรในครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกและเมื่อเทียบจากปีก่อน โดยการขยายพื้นที่โรงงานที่ลำพูนและอยุธยาจะเป็นตัวหลักในการเติบโตต่อเนื่องในปี 62

อย่างไรก็ตาม แม้ราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นมา 11% ในช่วงสองสัปดาห์ก่อน แต่มองว่าระดับ Valuation ปัจจุบันยังถูก และน่าสนใจ อยู่ เนื่องจากคิดเป็น PER ปี 62 ที่เพียง 11.5 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตของหุ้นที่ 12.2 เท่าอยู่

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น HANA พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 44.50 บาทต่อหุ้น โดยสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีนส่งผลบวกต่อหุ้นที่ผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์นอกประเทศจีน โดย HANA ได้ประโยชน์จากลูกค้าที่เพิ่มขึ้นจากการกระจายห่วงโซ่อุปทาน และคาดว่าผลประกอบการจะขึ้นจากอุปสงค์ของอุตสาหกรรมสื่อสารและส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นจาก IC และ PCBA โดยปัจจุบัน HANA กำลังขยายการผลิตในโรงงานที่ลำพูนและอยุธยา โดยจะทำให้กำลังการผลิตในปี 62 เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายอดขาย smartphone โลกจะลดลง แต่จำนวนความต้องการ IC เพิ่มขึ้นจากฟีเจอร์ใหม่ๆ ของมือถือ โดยที่ HANA ประสบความสำเร็จในการชิงส่วนแบ่งในตลาดนี้จากความนิยมของแบรนด์จากจีนที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันผู้บริหารมองว่า จำนวนลูกค้าที่เข้าชมโรงงานเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมาต้องการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในจีนมายังไทยและประเทศใกล้เคียง และสุดท้ายกำลังการผลิตจากอยุธยาและลำพูนจะเพิ่มขึ้นราว 13% ในปี 62 (เริ่ม COD ในช่วงไตรมาส 4)

ทั้งนี้คาดการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง ดีขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจากช่วงต้นปี  และอุปสงค์ของกลุ่มสื่อสารที่แข็งแกร่ง รวมทั้งได้งานผลิตชิ้นส่วนเซนเซอร์ที่มีอัตรากำไรสูง

รวมถึงความประหยัดต่อขนาดที่เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง จากต้นทุนในการดำเนินงานของโรงงานในลำพูนที่ลดลง โดยคาดว่ารายได้และอัตรากำไรจะเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง หากไม่มีผลลบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในขณะที่อุปสงค์ของโรงงานผลิตนอกจีนได้ปัจจัยบวก

พร้อมด้วย นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น HANA พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 43.50 บาทต่อหุ้น อิงกับ P/E ปี 62 ที่ 15 เท่า จุดเด่น คือ อุปสงค์ที่แข็งแกร่งทำให้รายได้เติบโตได้, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง เป็นเงินสดสุทธิ และจ่ายปันผลสูง คาด Dividend ปีนี้ 2บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 5%

นอกจากนี้บริษัทมีการขยายกำลังการผลิตเพื่อส่งมอบสินค้า IC ในสมาร์ทโฟนจำนวนมากในครึ่งปีหลัง (ล็อตใหญ่เป็นอันที่บริษัทชนะประมูลเมื่อต้นปี ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ในจีน) เนื่องจากเป็นฤดูกาลจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์

ทั้งนี้ทาง IDC ปรับคาดการณ์อัตราการเติบโตของ Smart Phone ในครึ่งปีหลัง เป็นบวกที่ 1.1% จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบ เนื่องจากตลาดสมาร์ทโฟนในตลาดโลกชะลอตัวลง แต่ HANA ยังได้ประโยชน์จากการเติบโตของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนในจีน เนื่องจากสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนได้รับความนิยมมากในตลาดเกิดใหม่และมีขนาดใหญ่อย่าง จีน และอินเดีย

โดยคาดว่าได้ประโยชน์จากสงครามการค้า แต่ไม่ชัดเจนมากเพราะลูกค้ารอดูผลการเจรจาการค้าของสหรัฐกับจีนก่อน – บริษัทเห็นอุปสงค์ที่ดีขึ้นของ Assembly Services ที่โรงงานเกาะกง กัมพูชา หลังมีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และจะมีคำสั่งซื้อชิ้นส่วนใน Control Devices, ของเล่น และเครื่องอ่านการ์ด เข้ามาเพิ่ม ซึ่งโรงงานที่เกาะกงใช้กำลังการผลิตเพียง 10% ในไตรมาส 2/61 และยังขาดทุน บริษัทมีแผนย้ายสายการผลิตจากลำปางไปที่เกาะกงภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มการผลิตที่โรงงานดังกล่าว และจะสามารถพลิกเป็นกำไรได้ในปี 62

สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลังแข็งแกร่ง โดยเชื่อว่ารายได้ในครึ่งหลังปีนี้จะแข็งแกร่งจากปริมาณที่สูง โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมสื่อสาร และอุตสาหกรรมอื่นๆก็ไปได้ดีทั้ง คอมพิวเตอร์, ยานยนต์, RFID และอุปกรณ์การแพทย์

ส่วนปี 62 คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องเพราะเป็นช่วงขาขึ้นของอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ แต่ก็ประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้รูปดอลลาร์อย่างอนุรักษ์นิยมไว้ก่อนที่ +5%

 

Back to top button