เปิดโผ 5 หุ้น SET พุ่งแรงตัวท็อป! โชว์ 9 เดือนฟันรีเทิร์นเกิน 50%   

เปิดโผ 5 หุ้น SET พุ่งแรงตัวท็อป! โชว์ 9 เดือนฟันรีเทิร์นเกิน50% นำโดย EMC,AEONTS,KTC,TRITN,PTTEP


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)กลุ่ม SET ในรอบ 9 เดือนปี 2561 โดยเทียบราคาหุ้นปิด ณ วันที่ 29 ธ.ค.60-28 ก.ย.61 และคัดเลือกราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นชนะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นเพียง 0.15% โดยเทียบจากดัชนียืนอยู่ที่ระดับ 1753.71 จุด (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 1756.41 จุด ( 28ก.ย.61) หรือบวกเพิ่มขึ้น 2.70 จุด

สำหรับทิศทางดัชนี SET ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาดัชนีถือว่าอ่อนตัวลงแรงและต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.จะเห็นว่าดัชนีอ่อนตัวหลุดจากระดับ 1800 จุด และในช่วงเดือนมิ.ย.61 ดัชนีอ่อนตัวไม่หยุด และหลุดแนวรับทั้ง 1700 จุด และ 1600 จุด จากนั้นในช่วงก.ค.-ก.ย.ดัชนีเริ่มฟื้นตัวกลับมายืนเหนือระดับ 1700 จุดได้อีกครั้ง

เนื่องจากประเด็นการเมืองที่มีความชัดเจนจากแผนการจัดการเลือกตั้งต้นปี 62 ซึ่งคาดว่าเป็นไปตามโรดแมพที่วางไว้ ขณะเดียวกันกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่มีการปรับฐานลงมาแรงจนมี Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ

สำหรับราคาหุ้น SET ในรอบ 9 เดือนที่ปรับตัวชนะตลาดฯได้คัดเลือกมานำเสนอ 5 ตัว เนื่องจากหุ้นจำนวนดังกล่าวให้ผลตอบแทนเกิน50% นำโดย EMC, AEONTS ,KTC, TRITN และ PTTEP ดังตารางประกอบดังนี้

 

อันดับ 1 บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC  ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 233.33% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 0.09 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 0.30 บาท (28ก.ย.61) คาดนักลงทุนเก็งกำไรหุ้นเล็ก และแผนธุรกิจที่จะเพิ่มรายได้และดันปีนี้พลิกมีกำไร

สำหรับแนวทางสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ได้แก่  เพิ่มช่องทางในการประมูลงานก่อสร้างให้มากขึ้น ทั้งงานเอกชนและงานภาครัฐ ,จัดหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อก่อสร้างโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และมุ่งเน้นด้านการจัดการและบริหารพื้นที่เช่าและที่พักอาศัย โครงการมหาชัย และโครงการสเตชั่นวัน

ส่วนการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายนั้น จะบริหารจัดการต้นทุนการก่อสร้าง โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้างหลัก เช่น เหล็ก และปูนซีเมนต์ เป็นต้น ,บริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ,การปรับปรุงพัฒนาให้บุคลากรสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ,งานขาย (Sales) เรื่องพนักงานขาย จะจัดให้มีพนักงานขายอย่างเหมาะสม โดยใช้ทางเลือกอื่นร่วมด้วย เช่น เอเย่นต์ ขายตรง ขายทางโทรศัพท์ ขายปลีกหรือขายส่ง การมีทางเลือกที่ดีจะช่วยลดต้นทุนได้เช่นกัน

สำหรับทิศทางของบริษัทในอนาคตนั้น บริษัทยังคงมุ่งมั่นปรับปรุงพัฒนาธุรกิจให้มีศักยภาพทั้งในการแข่งขัน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเอกชนและหน่วยงานราชการ ในการก่อสร้างและงานระบบ บริษัทคาดว่าผลประกอบการทั้งปี 61 จะกลับมามีรายได้เพิ่มขึ้นมาก และจะกลับมามีกำไรสุทธิในรอบหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีรายการตั้งสำรองอีก

บริษัทยืนยันว่าจะสามารถมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอในการรับงานรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ได้ จากเงินทุนหมุนเวียนของกิจการ และการได้รับการสนับสนุนทางการเงินในรูปแบบ Project Finance จากธนาคารพันธมิตรที่เป็นสถาบันการเงินหลายแห่ง เป็นต้น

อันดับ 2 บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TRITN ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 135% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 0.20 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 0.47 บาท (28ก.ย.61) ราคาหุ้นปรับตัวแรงเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรแผนธุรกิจที่โดดเด่น

อนึ่งก่อนหน้านี้บริษัทประกาศล้างขาดทุนสะสมจำนวน 311,538,119 บาท ได้ทั้งหมด ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯไม่มีหนี้สินคงค้าง

โดย TRITN ขณะนี้ถือเป็นยุคใหม่บริษัทมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแรงมุ่งเก็บสะสมเงินสดเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจและการลงทุนในอนาคต โดยบริษัทมีผลกำไรติดต่อกัน 3 ไตรมาส ถือเป็นสัญญาณอันดีว่าดำเนินธุรกิจมาอย่างถูกทางและ TRITN เป็นผู้เชี่ยวชาญในสายงานทุกด้านที่เราดำเนินการอยู่ มั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ภาพรวมธุรกิจของ TRITN จะเป็นไปตามเป้าหมายคือดีและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อันดับ 3 บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 101.93% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 103.50 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 209.00 บาท (28ก.ย.61) เนื่องจากนักลงทุนมั่นใจพื้นฐานธุรกิจบวกกับนักวิเคราะห์ปรับราคาเป้าหมายทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคาในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

บล.ฟิลลิป ระบุว่า  AEONTS  รายงานกำไร 2Q62 ที่ 862 ล้านบาท: กำไรไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 28.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจากทั้งรายได้ดอกเบี้ย และไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น โดยรายได้ดอกเบี้ยนั้นเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ และทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย แต่ลดลง 7.1% q-q จากการตั้งสำรองและค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการโอนย้ยพนักงานและเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียว

สินเชื่อเร่งตัว และยังคงเป้าการเติบโต: สินเชื่อในไตรมาสนี้เติบโต 3.1% q-q และ 5% ytd โดยยังคงเป้าการปล่อยสินเชื่อไว้ที่ 15% โดยมองว่าด้วยแคมเปญทางด้นการตลาดประกอบกับกำลังจะเข้ High season ทางด้านการใช้จ่ายทำให้ยังเป็นไปได้ที่จะปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้า

คงประมาณการแต่ปรับราคาพื้นฐานเป็น 218 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ทยอยซื้อ”: ยังคงประมาณการกำไรปี 62 ไว้ที่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ด้วยแนวโน้มผลประกอบการที่ 2H62 น่าจะเติบโต h-h ประกอบกับเงินปันผลระหว่างกาลที่ประกาศจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 2.35 บาท หลังจากจ่าย 1.60 บาท ต่อเนื่องมาหลายปี ทำให้ทางฝ่ายปรับราคาพื้นฐานเป็น 218 บาท และแนะนำ “ทยอยซื้อ”

อันดับ 4 บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 93.55% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 18.60 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 36.00 บาท (28ก.ย.61) เนื่องจากมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนอย่างต่อเนื่องอาทิ แผนการแตกพาร์จาก 10 บาท เป็น 1 บาท และแผนงานบริษัทที่โดดเด่น บวกกับแนวโน้มผลงานปี 61 สดใส อีกทั้งนักวิเคราะห์ปรับราคาเป้าหมายใหม่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวแรงต่อเนื่อง

บล.เอเชีย เวลท์ ระบุว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 เพิ่มขึ้น 4.5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 61.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 1.37 พันล้านบาท  และคาดพอร์ตสินเชื่อจะเร่งขึ้น 5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 10.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนโดยทั้งสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล

ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2561/2562 ขึ้น 6%/9% อยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท/5.7 พันล้านบาท เพื่อสะท้อนสมมติฐาน Credit cost ที่ลดลง และ NIM ที่ปรับตัวดีขึ้น ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” และปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2562 ที่ 42 บาท

อันดับ 5 บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP  ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 55.00% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 100.00 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 155.00 บาท (28ก.ย.61) โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากพื้นฐานบริษัทที่แข็งแกร่ง บวกกับแผนงานที่ออกมาอย่างโดดเด่น จากการเดินหน้าเข้าประมูลแหล่งเอราวัณ-บงกช และได้รับปัจจัยบวกราคาน้ำมันที่พุ่งแรงต่อเนื่องรวมทั้ง อีกทั้งนักวิเคราะห์ยังแนะนำให้ลงทุนด้วยราคาเป้าหมายสูงทำให้หุ้นปรับตัวแรงในช่วงดังกล่าว

บล.เอเชีย เวลท์ ระบุว่า คาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 3/61 เท่ากับ 11,885 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% เท่ียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลง 2%QoQ โดยคาดปริมาณขายปิโตรเลียมในไตรมาส 3/61 เท่ากับ 308,000 BOED เพิ่มขึ้นจาก 302,866 BOED ในไตรมาส 2/61  โดยในไตรมาส 4/61 คาดว่าดีขึ้น โดยคาดการณ์ปริมาณขายปิโตรเลียมไว้ที่ 336,500 BOED

ปรับประมาณการราคาเป้าหมายของ PTTEP เป็น 170 บาท โดยใช้วิธี DCF อิงราคาน้ำมันดิบดูไบตามค่าเฉลี่ยใหม่ที่ 69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากเดิม 63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และค่าเงินบาทที่ 32.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ คงเดิม และ Rollover ราคาเป้าหมายเป็นปี 2562 ที่ 170 บาท แทนเป้าหมายเดิม 145 บาท ในปี 2561 ปรับคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button