TIGER พื้นฐานแกร่ง-ตุน Backlog แน่น ลุ้นเทรดวันแรกแตะ 4.80 บ.

TIGER ลุยเทรดวันแรกลุ้นแตะ 4.80 บ. ตุน Backlog แน่น 655 ลบ. รับรู้รายได้ปีนี้ 70% พ่วงศักยภาพเติบโตสูง!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ต.ค.) บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TIGER เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง เป็นวันแรก โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท.และหุ้นชำระแล้ว 460 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 230 ล้านบาท โดยบริษัทเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 122.28 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขาย IPO หุ้นละ 3.65 บาท ระหว่างวันที่ 10-12 ต.ค.61

โดย นายจตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท TIGER เปิดเผยว่า เชื่อมั่นว่าหุ้น TIGER ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ จะสามารถยืนเหนือราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่หุ้นละ 3.65 บาท เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่อง ประกอบกับมีผู้บริหาร และบุคลากรที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในธุรกิจรับเหมาและออกแบบมายาวนาน

ทั้งนี้ TIGER ประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยในปัจจุบันบริษัทฯ มีการถือหุ้น 99.99% ในบริษัท ไทย อิงเกอร์ จำกัด (TEC )หรือ บริษัทแกน ซึ่งเป็นบริษัทแกน (Core Company) ประกอบธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้างงานวิศวกรรมโยธาทุกประเภทรวมทั้งงานออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม (Construction Contractor – Build & Design)

นอกจากนี้ยังประกอบธุรกิจสนับสนุนงานรับเหมาก่อสร้าง ได้แก่ 1) ธุรกิจออกแบบและผลิต พร้อมติดตั้งอุปกรณ์จากกระจกและอลูมิเนียม สำหรับงานสถาปัตยกรรมและงานตกแต่งดำเนินการโดย บริษัท ทีอีจี อลูมินั่ม จำกัด หรือ TEA และ 2) ธุรกิจออกแบบและผลิต พร้อมติดตั้งระบบน้ำดีและน้ำเสีย รวมทั้งจัดหาและจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างอื่นๆ ดำเนินการโดย บริษัท ทีอี แมค จำกัด หรือ TEM

ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลังในปี 2558-2560 และ 6 เดือนแรกของปี 2561 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9.29 ล้านบาท 36.65 ล้านบาท 67.74 ล้านบาท และ 31.30 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นการเติบโตของกำไรสุทธิที่ 294.72% ในปี 2559 และ 84.82% ในปี 2560 และ 20.38% เมื่อเทียบ 6 เดือนแรกของปี 2561 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเมื่อพิจารณาเป็นอัตรากำไรสุทธิ กลุ่มบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 2.51% 7.40% 10.99% และ 8.85% ในปี 2558-2560 และ 6 เดือนแรกของปี 2561 ตามลำดับ

ที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของ TIGER เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รายได้รวมเพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 30% ต่อปี ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูง เป็นตัวเลข 2 หลักมาโดยตลอด หรือเฉลี่ยประมาณ 16-18% และที่สำคัญงานที่เรารับส่วนใหญ่จะเป็นงานที่มาร์จิ้นอยู่ในระดับสูง เนื่องจากเป็นงานที่ต้องใช้ทีมงานที่มีประสบการณ์ ทำให้ลูกค้าแนะนำปากต่อปาก ซึ่งหลังจากที่ TIGER ได้รับเงินจากการขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ จะยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าประมูลงานใหม่ๆ ที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น ทำให้ธุรกิจเติบโตก้าวกระโดด”

ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างเข้าร่วมประมูลงานใหม่ๆ อีกหลายโครงการ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ โดยปัจจุบันสัดส่วนงานภาคเอกชนและภาครัฐอยู่ที่ 60:40 ซึ่งในอนาคตวางเป้าหมายงานภาคเอกชนและภาครัฐ อยู่ที่ 50:50 เพื่อกระจายความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจ

อนึ่ง TIGER ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) มีบริษัท ไทย อิงเกอร์ จำกัด (TEC) เป็นบริษัทแกน ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้างงานวิศวกรรมโยธาทุกประเภท รวมทั้งงานออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม

ด้าน นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ บล.กรุงไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ TIGER เปิดเผยว่า มั่นใจว่า TIGER จะกลายเป็นหุ้นน้องใหม่ ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุน เนื่องจากในอนาคตมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในส่วนของงานภาครัฐ จากการที่รัฐบาลมีโยบายขยายการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งบริษัทฯเตรียมเข้าประมูลงานใหม่เป็นจำนวนมาก โดยมีหลายโปรเจคที่เตรียมประกาศผลในเร็วๆนี้ ผลักดันผลงานในปี 2562 เติบโตอย่างก้าวกระโดด

ขณะที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ TIGER เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดเล็กที่มีความชำนาญ เสนอขายหุ้น IPO ต่อประชาชนทั่วไป จำนวน 122.28 ล้านหุ้น (ราคาพาร์ 0.50 บาท) โดยมีแนวโน้มผลประกอบการปี 2561-2563 จะเติบโตสูง จากงานในมือปัจจุบันที่สูง และในอนาคตมีแนวโน้มจะได้งานอีกหลายโครงการ ประเมินราคาเป้าหมายบนฐานหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ศึกษาซึ่งมีค่า P/E ปี 2562 เฉลี่ยเท่ากับ 15 เท่า ได้เท่ากับ 4.80 บาท ที่ราคาเป้าหมายจะซื้อขาย P/E ปี 2562 เท่ากับ 14.8 เท่า P/BV 2.8 เท่า และ มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 3.4%

โดยในปัจจุบัน TIGER มีงานในมือ (Backlog) 655 ล้านบาท จากทั้งหมด 10 โครงการ คาดจะรับรู้รายได้ในครึ่งหลังปี2561 ประมาณร้อยละ 70 และ เหลือไปรับรู้ รายได้ในปี 2562 ประมาณร้อยละ 30 ซึ่ง บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินยอดรับรู้ รายได้ปี 2561 เท่ากับ 837 ล้านบาท เติบโต 36% และคาดจะมีกำไรสุทธิ 90 ล้านบาท เติบโต 33%

ทั้งนี้ TIGER  มีศักยภาพสูงทั้งทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและเงินทุนที่จะประมูลงานในอนาคตหลายโครงการที่มีมูลค่าสูง เราประเมินยอดรับรู้รายได้ในปี2562 เท่ากับ 1,455 ล้านบาท เติบโต 74% มีกำไรสุทธิ 149 ล้านบาท เติบโต 66% และ ในปี 2563 จะมีรายได้รวมเท่ากับ 1,788 ล้านบาทเติบโต 23% มีกำไรสุทธิ 185 ล้านบาท เติบโต 24%

Back to top button