จังหวะสอย JKN หลังราคาร่วงหนัก โบรกฯฟันธงกำไรไตรมาส 4 แกร่ง รับรายได้พุ่ง-ค่าใช้จ่ายลดฮวบ
จังหวะสอย JKN หลังราคาร่วงหนัก โบรกฯฟันธงกำไรไตรมาส 4 แกร่ง รับรายได้พุ่ง-ค่าใช้จ่ายลดฮวบ
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ เกี่ยวกับบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN หลังมีนักวิเคราะห์ออกมาประเมินว่า ในช่วงไตรมาส 4/2561 บริษัท JKN จะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมายังถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ
โดยนักวิเคราะห์ บล. เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้ในช่วงไตมาส 3/2561 บริษัท JKN จะมีผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงทั้งจากในช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากในปีที่ผ่านมามีฐานกำไรที่สูงจากการเร่งส่งมอบ Content ก่อนเข้าสู่ช่วงจอดำ
อีกทั้งในช่วงไตรมาส 3/2561 ของปีนี้ JKN มีการบันทึกค่าใช้จ่ายงาน Diamond Blue (Showcase) 15 ล้านบาท ที่ปกติจะบันทึกในช่วงไตรมาส 4/61 แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าในไตรมาส 4/2561 กำไรสุทธิจะกลับมาโตสดใสหลังเริ่มส่งมอบ Content ให้กับลูกค้าช่องใหม่ 2 ช่อง, รับรู้ค่าจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ Content ช่อง 3, รับรู้รายได้จากกลุ่ม CLMV มากขึ้น และไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายงาน Showcase เช่นปีก่อน บวก Upside 13.8% จึงมองการปรับตัวลดลงในช่วงนี้เป็นจังหวะในการเข้าซื้อ
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดการณ์กำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนของ JKN จะทำได้มากกว่ากำไรสุทธิทั้งปีของปี 2560
โดยคาดการณ์กำไรในช่วงไตรมาส 3/2561 อยู่ที่ระดับ 55 ล้านบาท ลดลง 41% จากปีก่อน และลดลง 20% จากไตรมาสก่อนหน้า จากแรงกดดันเรื่องต้นทุนการตัดจำหน่าย รวมทั้งค่าใช้จ่ายขาย-บริหารที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามกำไรในรอบ 9 เดือนของปี 2561 ยังสดใส ที่ระดับ 194 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากกว่ากำไรทั้งปี 2560 ที่ระดับ 188 ล้านบาท
นอกจากนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 4/2561 จะกลับมาแข็งแกร่งเนื่องจากรายได้ที่เติบโตสูง ขณะที่ค่าใช้จ่ายลดลง โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาพื้นฐานที่คงไว้ที่ระดับ 15.20 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 2562 ที่ 22 เท่า
ด้าน นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JKN เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการทั้งปี 2561 บริษัทยังคงเป้าหมายจะมีรายได้เติบโต 20% จากปี 2560 ที่อยู่ระดับ 1,155 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันมียอดงานรอการรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 300 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ตามการส่งมอบคอนเทนต์
ขณะที่บริษัทมีแผนปรับราคาค่าลิขสิทธิ์คอนเทนต์ต่อเนื่อง โดยช่วงที่ผ่านมาปรับราคาค่าคอนเทนต์ช่วงไพร์มไทม์เป็น 5 แสนบาทต่อตอนต่อชั่วโมง จากเดิมอยู่ที่ 1.5-2.5 แสนบาทต่อตอนต่อชั่วโมง และตั้งแต่ไตรมาส 3/2561 จะปรับราคาค่าลิขสิทธิ์คอนเทนต์ขึ้นเป็นระดับ 7.5 แสนบาทต่อตอนต่อชั่วโมง
โดยล่าสุดบริษัทสามารถปิดดีลขายคอนเทนต์ จำนวน 3-4 ช่อง รวมประมาณ 20-30 เรื่อง โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการช่องโทรทัศน์ใหม่อีก 5 ช่อง เพื่อจำหน่ายคอนเทนต์อินเดีย ข่าว การ์ตูน เป็นต้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 2562
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2561 บริษัทจะเร่งทำตลาดและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปยังตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยเฉพาะลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครไทยจากช่อง 3 หลังจากที่ JKN ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายลิขสิทธิ์ละครไทยมากกว่า 70 เรื่อง ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2556 ถึงปัจจุบัน เช่น บุพเพสันนิวาส สามีตีตรา ทรายสีเพลิง รอยฝันตะวันเดือด ลมซ่อนรัก เพลิงนารี และ นาคี ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย
ทั้งนี้เพื่อไปทำตลาดและจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศทั่วโลก (ยกเว้นจีน ฮ่องกง กัมพูชา เวียดนาม และเมียนมา) โดยมีตลาดอาเซียนเป็นหนึ่งในตลาดเป้าหมายที่ JKN มองเห็นโอกาสการนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครไทยไปขยายตลาดในกลุ่มประเทศนี้ได้มากขึ้น
โดยแนวทางทำตลาดจะใช้กลยุทธ์ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้างละครไทยฟีเวอร์ ให้เป็นที่นิยมจากกลุ่มผู้ชมในต่างประเทศ และเปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือกซื้อแพ็กเกจลิขสิทธิ์ที่ตรงกับความต้องการและช่องทางที่เผยแพร่ ซึ่งจากการทำตลาดที่ผ่านมาพบว่าลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครไทยจากช่อง 3 ได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะในประเทศมาเลเซีย ฟิลิปินส์ และอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ ในปี 2562 บริษัทมีแผนที่จะประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวดปี 2561 โดยมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ เพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้นของบริษัท