เก็บ 3 หุ้นตัวเต็งฉายแววโดดเด่น พร้อมรับเม็ดเงินไหลเข้าก่อนประกาศ MSCI
เก็บ 3 หุ้นตัวเต็งฉายแววโดดเด่น พร้อมรับเม็ดเงินไหลเข้าก่อนประกาศ MSCI
เข้าสู่ช่วงการคัดเลือกหุ้นเข้าสู่ดัชนี “Morgan Stanley Capital International” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ MSCI โดยจะประกาศรายชื่อบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับการคัดเลือกและถูกถอดออกจากการคำนวณในวันที่ 13 พ.ย. 2561 และจะมีผล 30 พ.ย.2561
ทั้งนี้ หุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณดัชนี MSCI มักปรับตัว Outperform มากกว่าตลาด นับตั้งแต่วันประกาศผลไปจนถึงวันมีผลบังคับใช้จริง ขณะที่หุ้นที่ถูกถอดออกมักจะถูกนักลงทุนถอนเม็ดเงินลงทุนออกไปด้วย
โดย MSCI Index เป็นดัชนีอ้างอิงหุ้นนั้นต้องมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง โดยสภาพคล่องจะพิจารณาจากมูลค่าการซื้อขายหุ้นในรอบปีโดยเฉลี่ยเทียบกับมูลค่าตลาดของหุ้นนั้น ต้องมีฟรีโฟลตขั้นต่ำ 15% มีมูลค่าตลาด (จำนวนหุ้นคูณด้วยราคาตลาดของหุ้นนั้น) เมื่อคูณด้วยค่าฟรีโฟลตเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด (กำหนดไม่เท่ากันแล้วแต่แต่ละประเทศ ซึ่งในส่วนของประเทศไทย หุ้นของบริษัทที่จะเข้าเกณฑ์ต้องมีมูลค่าตลาดขั้นต่ำ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ) เป็นต้น
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้สำรวจบทวิเคราะห์ที่มีการคาดการณ์ถึงรายชื่อหุ้นที่คาดว่าจะได้รับคัดเลือกเข้าสู่ MSCI ครั้งนี้ โดยมีตัวเต็งทั้งหมด 3 บจ. ประกอบด้วย MTC, GULF,TOA
โดย บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประกาศ MSCI Rebalance รอบ 13 พ.ย. 2561 คาดหุ้นไทย MTC, GULF มีโอกาสเข้าสูง ลุ้นไทยถูกเพิ่มน้ำหนักการลงทุน มีผล 30 พ.ย. 2561 ด้าน บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่า GULF จะเป็นบจ.ที่ได้รับการคัดเลือกเข้า MSCI โดยคาดว่า MTC (คาดเม็ดเงิน 46ล้านเหรียญฯ), GULF (คาดเม็ดเงิน 45ล้านเหรียญฯ)
ทั้งนี้ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “Buy” GULF ราคาเป้าหมาย 80 บาท/หุ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/2561 ที่ 1.2 พันล้านบาท (พลิกกำไรจากไตรมาสก่อน, เพิ่มขึ้น 80% จากปีก่อน) อย่างไรก็ตามหากตัด Fx gain ออก คาดกำไรปกติที่ 769 ล้านบาท ลดลง 3% จากไตรมาสก่อน จาก Seasonal impact
ขณะที่เมื่อเทียบจากปีก่อน กำไรปกติเพิ่มขึ้น 136% จากปีก่อนจาก Utilization rate ที่ดีขึ้นจากโรงไฟฟ้า GTS4 และ GNC รวมถึงการ COD โรงไฟฟ้าใหม่ GBL ในไตรมาสนี้ ทั้งนี้เราคงประมาณการปี 2018 ที่ 3.2 พันล้านบาท แม้ 9M18E คิดเป็น 72% ของประมาณการ อย่างไรก็ตามไตรมาส 4/2561 COD โรงไฟฟ้าเพิ่ม 67MW คาดไม่ทำให้เกิด Downside อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 80.00 บาท พร้อมแนวโน้มปรับประมาณการขึ้นหลังโครงการใหม่ได้รับ PPA
ด้าน ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ” MTC ราคาเป้าหมาย 60 บาท/หุ้น โดย MTC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2561 ที่ 965 ลบ. เพิ่มขึ้น 5.8%จากไตรมาสก่อน, 48% จากปีก่อน ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ กำไรที่เพิ่มขึ้นเกิดจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน และ 36% จากปีก่อน และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 4.8% จากไตรมาสก่อน และ 35.6% จากปีก่อนในไตรมาสนี้ MTC มีค่าใช้จ่ายสำรองฯที่ 160 ลบ. ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน แต่ลดลง 5% จากปีก่อน คิดเป็น Credit cost ที่ 1.48% เป็นไปตาม NPL Ratio ที่ปรับตัวลดลง สังเกตุว่า Loan spread ยังรักษาไว้ได้ที่ราว 19.8% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าแม้ว่าจะเห็นการปรับขึ้นของต้นทุนทางการเงิน (CoF) ที่เพิ่มขึ้นราว 0.13% แต่ Loan yield ขยับขึ้นได้เล็กน้อยเนื่องจากการจัดการส่วนผสมของพอร์ตสินเชื่อและการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อใหม่
สินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน และ 21% จากต้นปี โดยมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่ในไตรมาสนี้ที่ราว 2.1 หมื่นลบ. เป็นสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกันมาหลายไตรมาสแล้ว ซึ่งเป็นไปตามจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น 289 สาขาจากไตรมาสก่อนและ 754 สาขาจากปีก่อน นอกจากนั้นยังเป็นฤดูกาลของการปล่อยสินเชื่อด้วย ขณะที่ อัตราการปล่อยสินเชื่อต่อสาขายังรักษาระดับได้ใกล้เคียงไตรมาสก่อนคือราว 28 ลบ.ต่อสาขาต่อปี
ด้าน NPL (ค้างชำระ > 3M) เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน ซึ่งน้อยกว่าการเติบโตของสินเชื่อ ทำให้ NPL Ratio ลดลงมาอยู่ที่ 1.26% จาก 1.35% ในไตรมาสก่อน และ Coverage ratio แข็งแกร่งที่ 259% สูงขึ้นจาก 247% ในไตรมาสก่อน
ทั้งนี้กำไรสุทธิช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 2.7 พันลบ. เพิ่มขึ้น 53% จากปีก่อน และคิดเป็น 71% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีของเราที่ 3.8 พันลบ. เพิ่มขึ้น 52% จากปีก่อน ขณะที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2561 จะดีที่สุดในปีที่ราว 1 พันลบ. และเราคงประมาณการกำไรปี 62 ที่ 5.39 พันลบ. เพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อน คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 62 ที่ 60 บาท