คัด 7 หุ้นท็อปพิคกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันขาขึ้น-Q4ยอดขายทะลักรับดีมานด์สูง
เคาะ 7 ท็อปพิคกลุ่มพลังงาน รับแนวโน้มน้ำมันฟื้น-ไตรมาส 4 ดีมานด์สูง
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจรวบรวมข้อมูลและบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์เกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน หลังจากเริ่มเห็นสัญญานฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันที่เริ่มดีดตัวกลับมาจากก่อนหน้านี้ที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
โดย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองว่า การดิ่งลงของราคาน้ำมันเริ่มค่อยๆ ซึมขึ้น จากการมองว่าการประชุม OPEC ในวันที่ 6 ธ.ค. ทางกลุ่มจะลดกำลังการผลิตในระดับ 1-1.4 ล้านบารเรล์/วันกลุ่มที่คาดว่าจะค่อยๆ มีแรงซื้อเข้ามาคือ กลุ่มพลังงานหลักและค้าปลีก หลังราคาน้ำมันส่งสัญญาณนิ่งๆ ไม่ลงต่อ แม้ยังมีโอกาสที่จะเห็นราคาน้ำมันลงต่อได้ แต่ในช่วงสั้นๆ นี้ ยังมีปัจจัยที่คอยหนุนไม่ให้ลง หุ้นในกลุ่มนี้ที่ยังพอเล่นสั้น ขึ้นขาย-ลงซื้อ คือ PTTEP เพราะราคาหุ้นลงมาในกรอบที่น่าสนใจแล้ว
ทั้งนี้ ล่าสุดทาง Goldman Sach ออกรายงานว่าการประชุมของ OPEC จะเป็นตัวหนุนราคาน้ำมันให้รีบาวน์จากการที่ทางกลุ่มจะบรรลุข้อตกลงในการลดกำลังการผลิต ขณะที่ทาง Hedge fund กลับมา Long น้ำมันเป็นครั้งแรกในรอบ 8 สัปดาห์
Themes play
ทั้งนี้ แนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีอย่าง PTT, PTTEP ,TOP ,PTTGC ,SPRC ,IRPC ,IVL จากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ 1.21 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +2.4% เป็น 51.63 ดอลลาร์/บาร์เรล (หลังจากที่ปรับลดลงมากว่า 33% จากระดับสูงสุดที่ 76.41 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา มาทำจุดต่ำสุดวันก่อนที่ 50.72 ดอลลาร์/บาร์เรล) จากข่าวการคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบ (OPEC) จะลงมติปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 6 ธ.ค.
นอกจากนั้นโกลด์แมน แซคส์ยังคาดการณ์ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะพุ่งขึ้นประมาณ 17% ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า จากแรงหนุนของการประชุม G20 ในวันที่ 30 พ.ย. – 1 ธ.ค. ซึ่งคาดว่าสหรัฐกับจีนจะมีโอกาสเจรจาแก้ไขปัญหาสงครามการค้าได้ โดยเราให้ PTTEP TOP และ PTTGC เป็น top pick ในกลุ่ม oil & gas, โรงกลั่นและปิโตรเคมี โดยมีราคาเป้าหมาย 173 บาท, 96 บาทและ 97 บาทตามลำดับ
ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำ “ซื้อ” PTTEP ราคาเป้าหมาย 160 บาท/หุ้น โดยคาดว่า แนวโน้มไตรมาส 4/2561 คาด Core Profit เพิ่มจากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ไตรมาส 4 เป็นช่วงที่มีดีมานด์สูง ปริมาณขายน่าจะแตะ 310kBOED ได้ และค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงลดลงจากไตรมาสก่อน ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยยังทรงตัว ส่วน Unit Cost จะต่ำลงจากการขายมอนทาราที่มี Unit Cost สูงออกไป
ทั้งนี้ จะมีการประกาศผลผู้ชนะประมูลสัมปทานแหล่งบงกช & เอราวัณปลายพ.ย.-ต้นธ.ค.นี้ ปัจจุบัน PTTEP ถือหุ้นแหล่งบงกช 66.66% และถือหุ้นแหล่งเอราวัณ 5% ทางบริษัทได้ยื่นประมูลสัมปทานรอบใหม่ไปทั้งสองแหล่งที่ 100% และ 60% ตามลำดับ โดยอีก 40% ของเอราวัณเป็นพันธมิตรคือ Mubadala Petroleum หลังประกาศผู้ชนะประมูลแล้ว จะส่งให้ครม.พิจารณาอนุมัติในวันที่ 25 ธ.ค.61 และเซ็นสัญญาเดือนก.พ.62 ซึ่งในประมาณการเรามีสมมติฐานให้ PTTEP ชนะการประมูลทั้งสองแหล่งในสัดส่วนที่ถือปัจจุบัน ดังนั้นถ้าชนะประมูลทั้งสองแหล่ง ก็จะเป็น Upside ต่อประมาณการกระแสเงินสดและราคาพื้นฐาน
ขณะที่ บริษัทเชื่อว่าธุรกิจการสำรวจและผลิตน้ำมันยังมีความมั่นคงใน 10 ปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อยและยังคงสร้างรายได้ & กำไรได้ดีในระยะยาว บริษัทมีเป้าหมายที่จะปรับองค์กรให้มีประสิทธิภาพและมีนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาหลายโครงการเพื่ออนาคต เช่น โครงการ G2P (จากก๊าซธรรมชาติสู่โรงไฟฟ้า) ในเมียนมา, โรโบติค, AI และเทคโนโลยีอื่นๆ
ทั้งนี้ แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 160 บาท (DCF) โดยกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 61 คิดเป็น 67% ของประมาณการทั้งปีนี้ แต่เราคงคาดการณ์กำไรปีนี้เพราะราคาน้ำมันลดลงแรงในไตรมาส 4/2561 ทั้งใช้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบที่ 71 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 61-62
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” TOP ราคาเป้าหมาย 95 บาท/หุ้น โดยประมาณการกำไรหลักขยายตัวในไตรมาส 4/61 และแนวโน้มเชิงบวกสำหรับผลิตภัณฑ์ middle distillate (ซึ่ง TOP มีสัดส่วนการผลิตสูง) น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะต่อไป นอกจากนี้การประเมินมูลค่าหุ้น TOP ยังน่าสนใจ แม้จะอยู่ภายใต้สมมติฐานกรณีเลวร้ายของเรา PBV อยู่ที่ 1.1 เท่า (ค่าเฉลี่ยระยะยาวอยู่ที่ 1.5 เท่า) และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 3.7% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยของ SET ที่ 3.4%)