โบรกฯเพิ่มน้ำหนัก 3 หุ้นเด่นกลุ่มรับเหมาฯอัดแน่นปัจจัยบวก-อัพไซด์เหลือเพียบ!
โบรกฯเพิ่มน้ำหนัก 3 หุ้นเด่นกลุ่มรับเหมาฯอัดแน่นปัจจัยบวก-อัพไซด์เหลือเพียบ!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ เกี่ยวกับหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดว่าในปี 2562 จะสดใส เนื่องจากมีสัญญาณบวกของกรอบเวลาที่ชัดเจนของงานประมูลโครงการภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการ EECซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างมีโอกาสได้รับงานมากขึ้น หนุนผลประกอบการปีหน้าสดใส โดยหุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์คัดเลือกว่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นรับปัจจัยบวกดังกล่าวคือ CK ,STEC และ SEAFCO
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) กลุ่มรับเหมาคึกคักรับปี 2562 แนวโน้มไตรมาส 4/2561 แม้ว่ากำไรจะชะลอจากไตรมาสก่อน เพราะวันหยุดมากแต่จะดีขึ้นมากเมื่อเทียบไตรมาส 4/2560 ที่ขาดทุน แนวโน้มปีหน้ายิ่งสดใส เห็นสัญญาณบวกของกรอบเวลาที่ชัดเจนของงานประมูล
โดยเฉพาะโครงการ EEC จากการขาย TOR แล้ว 5 โครงการในเดือน มิ.ย.-พ.ย. บวกกับการเร่งล้างท่อก่อนการเลือกตั้ง คาดว่า 5 โครงการ (รถไฟความเร็วสูง กท.-โคราช เฟส 3, ทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง, รถไฟฟ้าสีม่วงใต้, มอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช, มอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี) รวมมูลค่า 1.8 แสนลบ.มีโอกาสเปิดประมูลในไตรมาส 4/2561- ครึ่งปีแรกของปี 2562 และในครึ่งหลังของปี 63 น่าจะเห็นความคืบหน้าของงานอีกกว่า 5.7 แสนลบ. เช่นรถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีแดง เป็นต้น ทั้งนี้ให้หนัก Overweight กลุ่มรับเหมา มีหุ้นเด่นคือ CK (ราคาเป้าหมายปี 62 ที่ 33 บ.),STEC (ราคาเป้าหมายปี 62 ที่ 28.50 บ.), SEAFCO (ราคาเป้าหมายปี 62 ที่ 10.50 บ.)
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ธ.ค.) โดยให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ “มากกว่าตลาดฯ” โดยประเมินประเด็นบวกต่อกลุ่มจาก โครงการ EEC ที่ยังเดินหน้าตามแผน โดยคาดว่าจะรู้ผลการประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินภายในเดือนนี้ ขณะที่โครงการอื่นๆอยู่ในช่วงของการออก TOR และยื่นประมูลสำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของกลุ่มฯในช่วงไตรมาส 4/2561 และปี 2562 คาดจะยังสดใสจากการรับรู้รายได้การก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่และ MRT เลือก CK* และ SEAFCO เป็นหุ้นเด่น
ทั้งนี้ ให้ราคาพื้นฐานหุ้น CK ที่ 30 บาท ประเมินแนวรับ 25.75 บาท / แนวต้าน 27 บาท และ 28 บาท (Trailing stop 25 บาท) ขณะที่ประเมิน Valuation ถูก โดยหากประเมินราคาเหมาะสมโดยใช้ Sum of the parts คำนวณมูลค่าจาก บริษัทลูกที่ CK ถือหุ้นอยู่ตามสัดส่วนตอนนี้จะได้ BEM ระดับ 4 หมื่นล้านบาท, CKP ระดับ 1 หมื่นล้านบาท และ TTW 9.5 พันล้านบาท รวม 6 หมื่นล้านบาท สูงกว่า Market cap ของ CK ปัจจุบันที่ 4.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่ธุรกิจรับเหมาของ CK เองมี Backlog ระดับ 5.5 หมื่นล้านบาท อีกทั้งยังมีงานรอประมูลอีกจำนวนมาก จึงประเมิน Downside ในเชิงพื้นฐานของ CK ต่ำ