STI ลงเทรดวันนี้ลุ้นราคาวิ่งแตะ 7 บ. รับพื้นฐานแกร่ง-ตุนแบ็กล็อกแน่น รับรู้ถึงปี 64

ไอพีโอน้องใหม่ STI ลงเทรดวันนี้ลุ้นราคาวิ่งแตะ 7 บ. รับพื้นฐานแกร่ง-ตุนแบ็กล็อกแน่น รับรู้ถึงปี 64


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (19 ธ.ค.61) บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรม หมวดหมู่อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 68 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคา 6.30 บาทต่อหุ้น โดยมี บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

โดยปัจจุบัน STI มีทุนจดทะเบียนจำนวน 134,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 268,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนชำระแล้ว จำนวน 100,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200,000,000 หุ้น โดยภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีหุ้นจำนวน 68,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25.37 ของทุนจดทะเบียน

ทั้งนี้ บริษัทมีจะได้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ ประมาณ 428.40 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนลงทุนจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมทักษะความรู้พนักงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ประมาณ 40 ล้านบาท ลงทุนอุปกรณ์ระบบคอมพิวเตอร์ โปรแกรมด้านการออกแบบ ควบคุมงานก่อสร้าง และการเงิน-การบัญชี ประมาณ 30 ล้านบาท ลงทุนงานระบบและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ประมาณ 20 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ประมาณ 338.40 ล้านบาท

ด้านนายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STI ระบุว่า ตนมีความเชื่อมั่นว่าหุ้น STI ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันนี้จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุน และสามารถยืนเหนือราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ 6.30 บาทต่อหุ้นได้

ทั้งนี้ เนื่องจากกลุ่ม STI มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมทั้งมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจกว่า 30 ปี และได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าและพันธมิตร ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับประเทศ อีกทั้งมีความโดดเด่นด้านงานออกแบบสถาปัตกรรมและวิศวกรรม รวมทั้งงานอนุรักษ์โบราณสถาน ที่จะส่งผลให้กลุ่ม STI แตกต่างจากคู่แข่ง เนื่องจากเป็นงานที่ต้องใช้ทีมวิศวกรและสถาปนิกที่มีประสบการณ์สูง

ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ถือหุ้นมีความแข็งแกร่ง โดยโครงสร้างการถือหุ้นของ STI ภายหลัง IPO ประกอบด้วย บริษัท ยูนิเวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด สัดส่วน 26.12%, รวมกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่เป็นกรรมการและผู้บริหารระดับสูง และบุคคลที่เกี่ยวข้องของ STI สัดส่วน 48.81% และผู้ถือหุ้นรายย่อย 25.07%

สำหรับผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) กลุ่ม STI มีรายได้จากการให้บริการ 443.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 28.31% ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณงานที่ให้บริการในงวดดังกล่าว เช่น โครงการ One Bangkok และ โครงการ The PARQ เป็นต้น

ส่วนกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 30.48 ล้านบาท มีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) อยู่ที่ 770.09 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวน 114 โครงการ โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ไปจนถึง 3 ปีข้างหน้า

“กลุ่ม STI มีแนวโน้มการเติบโตสูง ตามภาพรวมอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัว สะท้อนได้จากงานในมือที่เพิ่มขึ้น เป็นโอกาสในการรับงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 คาดว่าจะเป็นอีกปีที่ดีที่สุดของกลุ่ม STI เทียบกับผลประกอบการในปี 2560 ซึ่งมีรายได้จากการให้บริการรวมอยู่ที่ 494.56 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 57.51 ล้านบาท จากการทยอยรับรู้รายได้ตามความสำเร็จของงานโครงการที่มีมูลค่าสูงขึ้น” นายสมเกียรติ กล่าว

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จำนวนกว่า 400 ล้านบาท จะนำไปใช้ลงทุนจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมทักษะความรู้พนักงาน ลงทุนอุปกรณ์ ระบบคอมพิวเตอร์ รวมถึง เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

ด้านนายสมเกียรติ กล่าวว่า นอกจากนี้เป้าหมายในอนาคตของกลุ่ม STI อาจมีการขยายกิจการ ด้วยการเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ ในระยะเวลาประมาณ 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

ทั้งนี้ เชื่อมั่นหุ้น STI จะเป็นอีกหุ้น Growth Stock ที่น่าจับตามองจากการมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง การลงทุนในสินทรัพย์ขนาดใหญ่มีไม่มาก เนื่องจากการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ จะมาจากการเพิ่มจำนวนบุคลากรเป็นหลัก ตลอดจนมีโอกาสการขยายกิจการในอนาคต รองรับงานที่ปรึกษาบริหารและควบคุมการก่อสร้างอย่างครบวงจร ทั้งในประเทศไทย และประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)

ประกอบกับ กลุ่มลูกค้าของกลุ่ม STI ส่วนใหญ่เป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง มีฐานรายได้ที่กระจายออกไปในหลากหลายธุรกิจ รายได้หลักกว่า 50% มาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการแนวสูงและ Mix-used ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโต และงานในมือที่เพิ่มขึ้น สะท้อนการรับรู้รายได้อย่างมั่นคงในระยะยาว จึงมั่นใจ STI จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน

ด้านนายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า mai ยินดีต้อนรับ บมจ. สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “STI” ในวันที่ 19 ธันวาคม 2561

สำหรับ STI ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง โดยมุ่งเน้นธุรกิจการบริหารโครงการก่อสร้างทุกประเภท เช่น โครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูง อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โดยมีผลงานในช่วงที่ผ่านมา อาทิ ห้างสรรพสินค้าดิเอ็มควอเทียร์ ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินัล 21 (โคราช) อาคารสำนักงาน Pearl Bangkok โครงการปรับปรุงอาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ศูนย์การค้า Bluport Resort Mall หัวหิน เป็นต้น

นอกจากนี้ STI ยังมีบริษัทย่อย คือ บริษัท สโตนเฮ้นจ์ จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมของโครงการก่อสร้าง งานตกแต่งภายใน และงานอนุรักษ์โบราณสถาน ถือเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจดังกล่าว มีผลงานที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป อาทิอาคารร้อยปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร วังกรมพระนเรศรวรฤทธิ์ (วังมะลิวัลย์) สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินวังบูรพา (รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน)เป็นต้น

โดย STI มีทุนชำระแล้ว 134 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 200 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 68 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO)

โดยแบ่งเป็นเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 51 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทไม่เกิน 10.20 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานไม่เกิน 6.80 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 6-7, 11 ธันวาคม 2561 ในราคาหุ้นละ 6.30 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 428 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,688 ล้านบาท มีบริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่าราคาหุ้น STI เข้าซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก (19 ธ.ค.61) มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นแตะ 7 บาท จากราคา IPO ที่ 6.30 บาท มีอัพไซต์อยู่ที่ 10% ทั้งนี้ เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากปัจจัยนอกประเทศหลายประเด็น ส่งผลให้หุ้น IPO ที่เข้าตลาดในช่วงก่อนหน้านี้ อาทิ NER, CMC และ SISB ไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากนัก จนไม่สามารถยืนเหนือราคาจองได้

Back to top button