ดักเก็บ AAV หลังราคาขาลงมานาน โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” รับผลดีราคาน้ำมันร่วงฉุดต้นทุนลดฮวบ
ดักเก็บ AAV หลังราคาขาลงมานาน โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" รับผลดีราคาน้ำมันร่วงฉุดต้นทุนลดฮวบ
สืบเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์หลังราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง โดยหุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์หลายแห่งกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” คือหุ้นบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 4/61 จะฟื้นตัวขึ้นจากช่วงไตรมาส 3/61 เนื่องจากเป็นช่วง Low Season โดยคาดค่าโดยสารเฉลี่ย (Fare Rate) และ Load Factor ปรับเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล High Season ท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีลุ้นในไตรมาส 1/62 นักท่องเที่ยวชาวจีนจะกลับมาเที่ยวไทย หลังจากในเดือน ธ.ค.61 จีนยังคงลดลง ซึ่งคาดการณ์กันว่าเดือน ม.ค.62 นักท่องเที่ยวจีนน่าจะกลับมาเที่ยวไทยตามปกติ
นอกจากนี้ ราคาหุ้นของ AAV ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงมาสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ทั้งด้านราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้ และการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันทั้ง 2 ปัจจัยเริ่มคลี่คลายและกลับเป็นบวกมากขึ้น โดยระยะสั้นยังได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างเร็วในช่วงเดือนที่ผ่านมา
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 ที่ 775-885 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 550-623 ล้านบาท เนื่องจากปรับต้นทุนราคาน้ำมันลงจากการที่ AAV เริ่มทำ Hedging ด้วยต้นทุนที่ต่ำลงได้มากขึ้น ในด้านผู้โดยสารคาดว่าจะเพิ่มขึ้น และ Load Factor จะดีขึ้น
ด้าน นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินว่า ผลการดำเนินงานของ AAV ในไตรมาส 4/61 จะฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาส 3/61 ที่เป็นช่วง Low Season โดยในไตรมาส 4/61 ดีขึ้นทั้งราคาตั๋วและจำนวนผู้โดยสารที่มากขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High Season อีกทั้งยังมีลุ้นในไตรมาส 1/62 นักท่องเที่ยวชาวจีนจะกลับมาเที่ยวไทย หลังจากในเดือน ธ.ค.61 ยังลดลง แต่คาดการณ์กันว่าจะดีขึ้นสู่ระดับปกติในเดือน ม.ค.62
นอกจากนี้ AAV ยังได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงด้วย และปีนี้ AAV เปิดเส้นทางบินใหม่ 20 เส้นทาง โดยจะเน้นไปที่ไตรมาส 4/61 ที่เปิดเส้นทางใหม่ถึง 10 เส้นทาง เน้นเส้นทางไปอินเดีย, CIMV และจีน ส่วนปีหน้ายังคงเน้นเส้นทางไปอินเดีย และ CIMV อีกทั้งยังมีการขยายฝูงบินเพิ่มขึ้น ซึ่งในปี 61 มีฝูงบิน 63 ลำ และในปี 62 จะมีเพิ่มเป็น 66 ลำ
ทั้งนี้ ได้คาดการณ์ราคาน้ำมันอากาศยาน (JET) ในปี 62 ไว้ที่ 80-85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทรงตัวจากปีนี้ พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 ไว้ที่ 775 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 623 ล้านบาท
ขณะที่ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ระยะสั้นยังมองเป็นบวกต่อหุ้น AAV ปรับราคาเป้าหมายปี 62 เป็น 5 บาท จากเดิม 4.50 บาท เนื่องจากมีการปรับคาดการณ์กำไรขึ้น ด้านราคาหุ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงมากถึง 24% สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้วทั้งด้านราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้และการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันทั้ง 2 ปัจจัยเริ่มคลี่คลายและกลับเป็นบวกมากขึ้น โดยระยะสั้นยังได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างเร็วในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ได้ปรับกำไรสุทธิปี 62 เพิ่มขึ้นจากเดิม 11% เป็น 885 ล้านบาท เติบโต 61% เนื่องจากปรับต้นทุนราคาน้ำมันลงจากการที่ AAV เริ่มทำ Hedging ด้วยต้นทุนที่ต่ำลงได้มากขึ้น ในด้านผู้โดยสารประเมินที่ 23.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน และ Load Factor จะดีขึ้นเป็น 86% จากปี 61 อยู่ที่ 85% ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/61 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานกำไรสุทธิที่สูงในปีก่อน ขณะที่เริ่มได้ผลบวกจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มต่ำกว่าที่เคยประเมิน ทำให้มีการปรับกำไรสุทธิปี 61 ขึ้นเล็กน้อยราว 2% เป็น 550 ล้านบาท แต่ยังลดลง 62% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
นอกจากนี้ คาดว่าอัตรา Load Factor ในเดือน พ.ย.61 มีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ 86% ดีขึ้นจากเดือน ต.ค.61 ที่ประมาณ 84% ซึ่งปกติเดือน พ.ย.จะต่ำกว่าเดือน ต.ค. และดีขึ้นจากไตรมาส 3/61 ที่ 81% แม้ว่าแนวโน้มผู้โดยสารจีนจะยังฟื้นตัวช้า แต่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือน พ.ย. ขณะที่ผู้โดยสารจากประเทศอื่นมีอัตราการเติบโตได้ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะอินเดียที่มีอัตราการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารและ Load Factor ที่ค่อนข้างสูง
สำหรับยอด Advance booking เดือน ธ.ค.61 เข้ามาแล้วค่อนข้างสูงแล้วที่ 60% ส่วนหนึ่งเป็นผลบวกจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ โดยมาตรการยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยว (Visa On Arrival: VOA) 21 ประเทศ เริ่มมีผลบังคับใช้ 15 พ.ย.61 และจะสิ้นสุดในวันที่ 13 ม.ค.62