เจาะกลยุทธ์ลงทุนเดือนม.ค.62 ชู 16 หุ้นเด่นเน้นปลอดภัย-ปันผลสูง รับ SET ผันผวน

เจาะกลยุทธ์ลงทุนเดือนม.ค.62 ชู 16 หุ้นเด่นเน้นปลอดภัย-ปันผลสูง รับ SET ผันผวน


เข้าสู่การลงทุนเดือนมกราคมปี 2562 “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมกลยุทธ์การลงทุนพร้อมปัจจัยที่ต้องจับตาในการลงทุนมานำเสนอในช่วงเดือนแรกของปี 62 โดยอาศัยบทวิเคราะห์จากบล.ฟินันเซีย ไซรัส,บล.ทิสโก้ และบล.เคจีไอ

โดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีมุมมองว่าการลงทุนในเดือนนี้ผันผวน อีกทั้งช่วงต้นปีระวังแรงขาย LTF ที่ครบอายุ และยังเต็มไปด้วยปัจจัยลบจากต่างประเทศ ทั้งการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐในสหรัฐ การเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนที่อยู่ในช่วงต่อเวลา 90 วัน และ Brexit ซึ่งเหลือเวลาไม่ถึง 90 วันที่อังกฤษต้องออกจากสหภาพยุโรป

ดังนั้นเดือนนี้เน้นหุ้นเน้นหุ้น Domestic plays และหุ้น ปลอดภัย-ปันผลสูงได้แก่ BBL,BEM,CK,CPALL,ERW,AOT,BTS,INTUCH,KTB,TVO,VNT,MTC,RS,SEAFCO, BGRIM,STEC ซึ่งระบุไว้ดังนี้

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า  แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือน ม.ค. ช่วงต้นปีระวังแรงขาย LTF ที่ครบอายุ (แต่แรงขายอาจไม่หนาแน่น เพราะเป็นส่วนที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 2015 ตอนนั้น SET ปิดปีที่ 1,288 จุด เฉลี่ยทั้งปีที่ 1,451 จุด ซึ่งไม่ต่างกับปัจจุบันมากนัก) และยังเต็มไปด้วยปัจจัยลบจากต่างประเทศ ทั้งการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐในสหรัฐ การเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนที่อยู่ในช่วงต่อเวลา 90 วัน และ Brexit ซึ่งเหลือเวลาไม่ถึง 90 วันที่อังกฤษต้องออกจากสหภาพยุโรป

ตลาดหุ้นเดือนนี้ผันผวนแต่จะผ่อนคลายขึ้นในเดือนหน้าที่เริ่มเทศกาลผลประกอบการของ บจ. ปัจจัยบวกเดือนนี้คือ PE ของตลาดที่ถูกเพียง 13 เท่าและเริ่มเข้าใกล้เลือกตั้ง หุ้นแนะนำเดือนนี้ยังคงเป็น Domestic plays ได้แก่ BBL, BEM, CK, CPALL, ERW

 

บล.ทิสโก้  ระบุกลยุทธ์การลงทุนหลักในปี 2019 และหุ้นแนะนำสำหรับเดือน ม.ค. – เน้นหุ้นปลอดภัย-ปันผลสูง ด้วยตลาดปี 2019 มีแนวโน้มผันผวนสูง เพราะฉะนั้น กลยุทธ์การลงทุนเราแนะนำกระชับพอร์ตการลงทุนหุ้น-ถือเงินสดมากขึ้น หากจะลงทุนต้องกระจายความเสี่ยงการลงทุนในหุ้นหลากหลายอุตสาหกรรม โดยกลุ่มที่คาดว่าจะมีกำไรหลักปี 2562 เติบโตดีกว่าตลาด แนะนำกลุ่ม BANK +16%, COMM +15%, CONS +29%, MEDIA +20% และ TRANS +14%

นอกจากนี้ ควรเลือกลงทุนหุ้นคุณภาพดี-มีความปลอดภัยมากขึ้น โดยอาจพิจารณาจากหุ้นที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง, หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเดินหน้าเศรษฐกิจในประเทศ, หุ้นที่ฐานราคาต่ำมีระดับการประเมินมูลค่าไม่แพง, หุ้นที่มีรายได้-ธุรกิจมั่นคง และหุ้นจ่ายปันผลดี เป็นต้น หุ้นเด่นที่เราแนะนำ คือ BANK – BBL, KBANK, TMB / COMM – CPALL, BJC, ROBINS / ICT -DTAC, INTUCH / CONMAT – SCC / CONS – CK, STEC / MEDIA – PLANB / TRANS – BTS / OTHERS – AEONTS, JWD, NYT, SVI

สำหรับหุ้นแนะนำในเดือน ม.ค. จะเน้นหุ้นปลอดภัย มีปันผลสูง น่าจะทนทานต่อสภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูงพร้อมรับฤดูกาลจ่ายเงินปันผลช่วงต้นปีนี้ แนะนำ AOT, BTS, INTUCH, KTB, TVO และ VNT ด้านแนวรับ และแนวต้านสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1540-45, 1520-30, 1500 และ 1600+/-, 1650-65 จุด ตามลำดับ

สำหรับเดือน ม.ค. มีปัจจัยภายนอกที่น่าติดตามสำคัญๆ ดังนี้ (1) การปิดหน่วยงานภาครัฐของสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อข้ามปี หลังประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธที่จะลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณที่ไม่รวมงบประมาณการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกในช่วงปลายปีที่แล้ว (2) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนในวันที่ 7 ม.ค. จะมีความคืบหน้าหรือไม่ และ (3) รัฐสภาอังกฤษจะพิจารณาอนุมัติข้อตกลง Brexit ได้หรือไม่ในช่วงกลางเดือนนี้

ส่วนปัจจัยภายในที่สำคัญ คือ (1) เม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ครบกำหนดขายได้ในปี 2019 จากการประเมินของคาดว่าเม็ดเงิน LTF สุทธิ 3.7 หมื่นล้านบาทที่ไหลเข้าในปี 2015 จะเติบโตเป็นเกือบ 4 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน (ระดับ SET Index เฉลี่ยในปี 2015 อยู่ที่ 1460 จุด vs SET Index สิ้นปี 2018 ที่ 1560) อาจจ่อขายกดดัน SET Index ในช่วงไตรมาส 1 ของทุกปี

โดยเฉพาะในช่วงต้นเดือน ม.ค. (2) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ม.ค. ได้หรือไม่ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่บ่งชี้ว่าการเลือกตั้งจะถูกจัดขึ้นในวันที่ 24 ก.พ.19 ยังเป็นไปได้อยู่หรือไม่ และ (3) การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จะเปิดให้ยื่นซองประมูลท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ในวันที่ 14 ม.ค. รวมทั้งรฟท.จะประกาศผู้ชนะการประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินภายในเดือน ม.ค. 2019 ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ EEC ที่มีความคืบหน้ามากขึ้นจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

 

บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองที่เป็นบวกกับดัชนี SET Index ในเดือนมกราคม เนื่องจากปัจจัยดังต่อไปนี้ แรกสุดคือ กระแสข่าวด้านเศรษฐกิจมหภาคของโลกที่เกิดในช่วงวันหยุดยาว ซึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการที่ประธานาธิบดี Trump และสีจิ้นผิงต่อสายคุยกันอย่างเป็นมิตรมากขึ้นอีก ซึ่งทำให้มีโอกาสเพิ่มขึ้นมากที่การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงได้เร็ว

ปัจจัยถัดมาก็คือการที่ดัชนี SET เกิด correction หนักในช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งฉุดให้ราคาหุ้นในตลาดไทยดูน่าสนใจมากขึ้น (คิดเป็น forward P/E ปี 2562 แค่ไม่ถึง 14.0x และทำให้ forward earnings yield gap อยู่ที่ระดับเกือบ 5.0%)

ปัจจัยที่สามคือ consensus จากการโยกสินทรัพย์มาเน้นที่ตลาด EM ในเอเซีย บวกกับค่าเงิน USD/THB ที่แข็งขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะช่วยหนุนให้เกิดกระแสเงินทุนไหลเข้าหุ้นไทยได้บ้าง

แต่อย่างไรก็ตาม นักลงทุนน่าจะยังต้องระมัดระวังความผันผวนจากสองปัจจัยสำคัญ นั่นคือ การที่สภาผู้แทนฯ ของอังกฤษจะลงมติเรื่อง Brexit ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนสูง และ กระแสข่าวการเมืองของไทยซึ่งออกแนวลบมากขึ้นเล็กน้อย จากการที่สื่อในประเทศเริ่มรายงานในช่วงสองสามวันมานี้ว่ามีความเสี่ยงที่อาจจะต้องมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเนื่องจากติดปัญหาด้านธุรการ

หุ้นเด่นเดือน ม.ค. – เน้นหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการ 4Q61 มีแนวโน้มแข็งแกร่ง และฟื้นตัวได้ดี รวมถึงหุ้น investment play ที่ถูกเทขายหนักก่อนหน้านี้

มีมุมมองที่เป็นบวกกับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือนมกราคม แต่ยังคงคาดว่าตลาดน่าจะผันผวนต่อเนื่องเพราะข้อมูลเศรษฐกิจโลกยังสับสน และยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์ในยุโรปดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

ดังนั้นจึงเลือกหุ้นเด่นเดือนนี้โดยใช้กลยุทธ์ barbell นั่นคือ ในด้านหนึ่ง เลือกหุ้น domestic play สองสามตัวที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/61 จะออกมาแข็งแกร่ง อย่างเช่น  CPALL,MTC,RS และ SEAFCO

โดยเชื่อว่าในเดือนนี้นักลงทุนจะเน้นให้ความสำคัญไปที่แนวโน้มกำไรรายไตรมาส แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็เลือกหุ้น defensive play ที่มีแนวโน้มกำไรชัดเจนในปี 2562 อย่างเช่น BEM และ BGRIM ด้วย เพื่อจำกัด downside ของพอร์ตเผื่อในกรณีที่ตลาดเกิด correction โดยไม่คาดหมายขึ้นมาอีก และท้ายสุดเชื่อว่าหุ้น investment play ที่มี beta สูง ซึ่งถูกเทขายหนักในรอบเดือนที่ผ่านมาน่าจะฟื้นตัวได้จากการเลือกตั้งที่คืบใกล้เข้ามา ดังนั้นจึงเลือก STEC ไว้ในพอร์ตของเราด้วย

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button