ได้เวลาสอย BGRIM โบรกฯฟันธงกำไรปี 62 โตแตะ 3.2 พันลบ.ชูเป้า 39 บ.ดันอัพไซด์สูง 35%
ได้เวลาสอย BGRIM โบรกฯฟันธงกำไรปี 62 โตแตะ 3.2 พันลบ.ชูเป้า 39 บ.ดันอัพไซด์สูง 35%
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM หลังบริษัทรายงานผลการดำเนินงานมีรายได้เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการผลิตไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ABPR3, ABPR4 และ ABPR5 จำนวนกำลังการผลิตติดตั้งรวม 399 เมกะวัตต์ (MW)
รวมถึงการ COD ของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ 7 โครงการ รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 30.80 เมกะวัตต์ ทำให้ปี 2561 บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้น 430 เมกะวัตต์ หรือเติบโต 26% จากปี 2560
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ คงกำไรปกติปี 2562 ที่ระดับ 3.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการรับรู้รายได้เต็มปีสำหรับโครงการที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ปี 2561 จำนวน 250 เมกะวัตต์ (MW) และการทยอย COD โครงการใหม่ในปี 2562 อีกราว 470MW เพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อน
ขณะที่ค่า Ft ปี 2562 คาดจะปรับสะท้อนต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติได้มากขึ้นหลังจากที่ถูกตรึงมาตลอดในช่วงปี 2561 (ปี 2561 GPM อยู่ที่ 19% ลดลง 270 bps จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และส่งผลให้ GPM ในปี 2019 กลับสู่ภาวะปกติคาดอยู่ที่ราว 23%
พร้อมคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 39 บาท/หุ้น โดยมองว่าราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานและมี Upside จากราคาเป้าหมายราว 32% เป็นระดับผลตอบแทนที่น่าสนใจเมื่อเทียบความเสี่ยงธุรกิจที่ต่ำจากการมีสัญญา PPA รองรับระยะยาว ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายปันผลที่ 0.17 บาทต่อหุ้น XD 14 มี.ค.19
ด้านนางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ในปี 62 บริษัทยังเดินหน้าธุรกิจตามแผน มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและพัฒนาอีก 17 โครงการ รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 1,050 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตโดยรวมเพิ่มเป็น 3,126 MW ณ ปี 65 โดยเป็นโครงการที่มีกำหนดการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปีนี้ 4 โครงการ รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 697 MW ได้แก่
1.โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม DTE1&2 ซึ่งเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่อยู่ระหว่างพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนด้วยกำลังการผลิตติดตั้ง 420 MW และโครงการ Phu Yen TTP กำลังการผลิตติดตั้ง 257 MW
โดยทั้งสองโครงการมีกำหนดการ COD ในเดือน มิ.ย. โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam Che กำลังการผลิตติดตั้ง 15 MW คาดว่าจะ COD ได้ในครึ่งแรกของปี และโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 5 MW ซึ่งมีกำหนดการ COD ในช่วงสิ้นปี นับเป็นปีที่บริษัทจะมีการเติบโตของกำลังการผลิตอย่างก้าวกระโดดกว่า 34%
นอกจากนี้ บริษัทเพิ่งประกาศความสำเร็จในการซื้อโรงไฟฟ้า โกลว์ เอสพีพี 1 จากบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ภายในไตรมาส 1/62 บริษัทเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าโครงการในระยะยาว
เนื่องจากพื้นที่มาบตาพุดเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุด มีความต้องการไฟฟ้าและไอน้ำในระดับสูงมาก และโรงไฟฟ้าแห่งนี้อยู่ในเงื่อนไขซึ่งได้รับความเห็นชอบให้ต่ออายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (เอสพีพี) จากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 24 ม.ค.62 หากรวมโครงการนี้แล้วกำลังการผลิตโดยรวมของบริษัทจะเพิ่มเป็น 3,250 MW ในปี 65
ส่วนโอกาสการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษาข้อมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็น ประเทศเกาหลี เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และลาว เพื่อบรรลุเป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งที่ 5,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 65