จังหวะสอย JKN ก่อน XD ปันผล 0.17 บ.โบรกฯมองกำไรปีนี้โตต่อ เคาะเป้า 13.60 บ.อัพไซด์พุ่ง
จังหวะสอย JKN หลังราคาขาลงนาน-รอรับปันผล 0.17 บ. XD 18 มี.ค.นี้ โบรกฯมองกำไรปีนี้โตต่อ เชียร์ซื้อเคาะเป้า 13.60 บ. ดันอัพไซด์พุ่ง
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN หลังราคาหุ้นปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 18 มี.ค.2562 ซึ่งจะจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.17 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 23 พ.ค.2562
โดยพบว่า นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” JKN ประเมินราคาเป้าหมาย 13.60 บาท/หุ้น โดยมองว่าการเติบโตของธุรกิจทั้งในและต่างประเทศแข็งแกร่ง คาดสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มจาก 20-25% ในปี 2561 เป็น 30% ในปี 2562 และเป็น 50% ในระยะยาว
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย จากปัจจุบันที่เป็นผู้จัดจำหน่ายอันดับ 1 ในไทย ซึ่งการจะเป็นไปตามเป้าหมายก็ต้องขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จึงคาดว่าปี 2562 กำไร JKN จะโตก้าวกระโดด 62% จากสมมติฐานรายได้เพิ่ม 15% (ต่ำกว่าเป้าหมายบริษัทที่ 20%) และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 44.5% จาก 37.4% ในปี 61 เพราะค่าตัดจำหน่ายลิขสิทธิหนังลดสู่ระดับปกติและมี Economy of scale มากขึ้น
อีกทั้งบริษัทมีแผนย้ายมาเข้ามาเป็นบจ.ใน SET จากปัจจุบันอยู่ใน MAI หลังนักลงทุนเชื่อมั่นบริษัทมากขึ้น ซึ่งจะเป็นบวกต่อราคาหุ้น ส่วนความนิยมซีรีย์อินเดียในไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เดิมมีลูกค้า 3 ช่อง (ช่อง 3, ช่อง 8 และช่อง BrightTV) แต่ปลายปี 2561 เพิ่มมาอีก 3 ช่อง คือ ช่อง 5, ช่อง 25 และช่อง One ซึ่งจะทำรายได้เพิ่มในปี 2562 นอกจากนั้นยังมี Contents ใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม คือ ซีรีย์ฟิลิปปินส์ และ CNBC
ด้าน CNBC บริษัทลงทุนค่าใบอนุญาต CNBC ระยะเวลา 10 ปีเป็นจำนวน 125 ล้านบาท และค่าสตูดิโอ 50 ล้านบาท ปัจจุบันมีการขาย CNBC contents และ 4 รายการ (SQUAWK BOX, POWER LUNCH, STREET SIGNS and CLOSING BELL) แล้วและจะเริ่มออกอากาศมิ.ย.62 และกำลังพิจารณานำอีก 3 รายการเข้ามาเพิ่มในเดือนต.ต.62 ผู้บริหารตั้งเป้าว่า CNBC จะทำรายได้ราว 3-5% ของรายได้รวมใน 2H62
โดยการเติบโตในต่างประเทศเป็น Key growth ในระยะยาว ปัจจุบันบริษัทได้ลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายซีรีย์อินเดียใน CLMV และเติบโตสูงในปี 61 ที่ผ่านมา สำหรับปีนี้คาดว่าจะขยายไปตลาดใหม่ คือ เวียดนาม, บรูไน, ไต้หวัน ฯลฯ รวมทั้งจับมือกับ BEC จัดจำหน่ายซีรีย์ 30 เรื่องของช่อง 3 ในต่างประเทศ โดยเริ่มตั้งแต่มิ.ย.2561 ซึ่งบริษัทเล็งขายไปยังตลาดอินโดนีเซีย, มาเลเซีย และไต้หวัน หลังเข้าตลาดฟิลิปปินส์ไปแล้วในปีก่อน
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น JKN ประเมินราคาเป้าหมาย 12.40 บาท/หุ้น โดยมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา ได้สะท้อนปัจจัยลบเกี่ยวกับการคืนช่องดิจิทัลทีวีไปมากแล้ว มองว่าการคืนช่องจะไม่กระทบต่อรายได้หลักของ JKN โดยลูกค้ารายใหญ่ที่มีสัดส่วนรายได้ถึง 80% มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปไม่คืนช่อง ทั้งนี้ ยังไม่ได้รวมรายได้จาก จากซีรี่ส์ “สยามรามเกียรติ์” คาดเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2563 และco-production ในการประเมินราคาหุ้น และ JKN ประกาศจ่ายปันผล 0.17 บาท ขึ้น XD วันที่ 19 มี.ค. 2562
ทั้งนี้คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 อยู่ที่ 228 ล้านบาท (โต 25% เมื่อเทียบจากปีก่อน) อย่างไรก็ตาม มองว่ารายได้ทั้งในและต่างประเทศของ JKN ในปี 2562 ยังคงขยายตัวต่อเนื่องที่ 18% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากเพิ่มฐานลูกค้าช่องทีวีดิจิทัล
โดยทาง JKN คาดจะปิดสัญญาช่อง Thairath TV, Nation, Now และ MONO ได้ในไตรมาส 1/62 และเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/62 มองว่ารายได้จากต่างประเทศยังคงขยายตัวต่อเนื่อง 450 ล้านบาท (โต 17.5% เมื่อเทียบจากปีก่อน) ทั้งจากการขายซีรีส์อินเดีย ภาพยนตร์ นาคี 2 และละครไทยของช่อง 3 ในต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น JKN ประเมินราคาเป้าหมายที่ 9 บาทต่อหุ้น คงประมาณการกำไรปีนี้โตต่อเนื่อง 18% เป็น 268 ล้านบาท จาก Backlog ปัจจุบันที่สูงถึง 660 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากสัญญาขายสิทธิ Content หลักๆ คือซีรีย์อินเดียและฟิลิปปินส์ให้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดรายได้ปีนี้โต 15% ซึ่ง conservative กว่าบริษัทที่ตั้งเป้าโต 20%
ด้าน นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JKN เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 20% จากระดับ 1.42 พันล้านบาทในปีก่อน จากแผนการดำเนินธุรกิจที่จะเน้นรุกขยายตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรี่ส์อินเดีย-ฟิลิปปินส์ ไปยังตลาดอาเซียนในทุกแพลตฟอร์มให้มากยิ่งขึ้น ด้วยแนวคิดการตลาด ‘ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง’ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้ โดยบริษัทได้ใช้งบเงินลงทุนกว่า 800 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มเติมเพื่อรองรับแผนงานการขยายธุรกิจทั้งต่างประเทศและในประเทศ
นอกจากนี้ยังมีแผนขยายตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปยังประเทศเวียดนาม มาเลเซีย บรูไนและไต้หวันเพิ่มเติม เนื่องจากตลาดต่างประเทศถือเป็น Blue Ocean ที่ JKN มีโอกาสนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในมือไปสร้างฐานรายได้ให้เติบโตได้อีกมาก
ส่วนการลงทุนในปี 62 บริษัทจะใช้เงินลงทุนรวมทั้งหมด 900 ล้านบาท แบ่งเป็น การใช้ซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากต่างประเทศ 800 ล้านบาท การลงทุนด้านพัฒนาสตูดิโอและอุปกรณ์ของ JKN CNBC ที่ 50 ล้านบาท และการลงทุนพัฒนาระบบภายใน 50 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมการลงทุนผลิตโปรเจ็คยักษ์ซีรี่ย์ “สยามรามเกียรติ์” ที่จะเริ่มถ่ายทำในปี 62 และพร้อมออกอากาศในปี 63
สำหรับการออกอากาศรายการข่าวของ JKN CNBC จะเริ่มออกอากาศในช่องพันธมิตรทีวีดิจิทัลในช่วงเดือนมิ.ย.นี้ โดยที่ในช่วงครึ่งปีแรกของการเริ่มดำเนินงานของ JKN CNBC ได้ตั้งเป้ารายได้ 3-5% ของรายได้รวมของบริษัทแม่ ซึ่งคาดว่าจะได้ตามเป้า พร้อมกับวางแผนจัดงาน JKN CNBC WEALTH EXPO 2020 ซึ่งเป็นงานที่จะนำการลงทุนต่าง ๆ มานำเสนอกับนักลงทุนพร้อมกับการให้ความรู้นักลงทุน ซึ่งเป็นการย้ำภาพลักษณ์ที่ชัดเจนของการเป็นส่วนหนึ่งของรายการข่าวระดับโลกอย่าง CNBC อีกทั้ง JKN CNBC ยังมีการผลิตรายการส่งไปออกอากาศใน CNBC ASIA อีกด้วย