BCH ดาวเด่นหุ้นโรงพยาบาล! 3 โบรกฯฟันกำไรปีนี้โตเด่น รับรายได้พุ่งกระฉูด

BCH ดาวเด่นหุ้นโรงพยาบาล! 3 โบรกฯฟันกำไรปีนี้โตเด่น รับรายได้พุ่งกระฉูด


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์และข้อมูลหุ้นบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH หลังนักวิเคราะห์มองว่าแนวโน้มกำไรปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากบริษัทมีรายได้จากลูกค้าประกันสังคมและกลุ่มลูกค้าเงินสดเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังมีรายได้จากการเปิดศูนย์บริการเฉพาะทางเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ส่วนเรื่องผลกระทบจากการควบคุมค่ารักษาพยาบาลและค่ายา คาดว่าจะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ และการเปิดโรงพยาบาลใหม่ไม่มากในปีนี้ ทำให้จะมีผลกระทบต่อต้นทุนของ BCH ไม่มากเช่นกัน

โดยนักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น BCH ประเมินราคาเป้าหมายที่ 22 บาทต่อหุ้น โดยมองว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีอีกปีของ BCH จากรายได้เติบโตทั้งในส่วนประกันสังคมและคนไข้เงินสด โดยรายได้ประกันสังคมเติบโตจากจำนวนผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะได้จำนวนผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น 80,000 ราย เป็น 880,000 ราย ส่วนรายได้คนไข้เงินสดเติบโตจากการอัพเกรดโรงพยาบาลในเครือ และคาดว่า WMC จะสามารถมีรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง จากการทำการตลาดต่างประเทศและจะเปิดศูนย์ IVF ในเดือน ก.ค.2562

อีกทั้งการเปิดโรงพยาบาลใหม่ปีนี้มีไม่มากทำให้ค่าเสื่อมราคาและต้นทุนบุคลากรเพิ่มขึ้นไม่มาก นอกจากนี้มีการเลื่อนเปิดโรงพยาบาลจากปี 2563 ไปเป็นต้นปี 2564 จำนวน 2 แห่ง คือโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ปราจีนบุรี (116 เตียง) และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลเวียงจันทน์ (100 เตียง) ทำให้ปีนี้จึงเปิดแค่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์สระแก้ว จำนวน 59 เตียง เพียง 1 แห่ง

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น BCH ราคาเป้าหมาย 21.50 บาทต่อหุ้น และยังคงเลือก BCH เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มโรงพยาบาล รวมทั้งได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 ขึ้นจากเดิม 5.8% เป็น 1.27 พันล้านบาท

โดยยังคงมองบวกกับแนวโน้มระยะยาวของ BCH เนื่องจากมีโอกาสที่ได้จะโควต้าประกันสังคมเพิ่มขึ้น และ WMC ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์รามคำแหงดีขึ้นหลังจากที่เพิ่งปรับปรุงโรงพยาบาลใหม่ รวมถึงการเปิดให้บริการ IVF อย่างเต็มที่ในครึ่งหลังปี 2562 นอกจากนี้ ยังชอบ platform ธุรกิจของ BCH ในแง่ความหลากหลายของประเภทผู้ป่วย (อย่างเช่น กลุ่มรายได้, ระดับของ intensity, ทำเลที่ตั้ง)

ส่วนประเด็นความกังวลเรื่องการคุมราคายาและค่ารักษาพยาบาลตั้งแต่ต้นปีนี้ ยังคงมองว่าการคุมราคายาและค่ารักษาพยาบาลยังต้องพิจารณาอีกหลายเรื่อง เพราะประเทศไทยมีนโยบายที่จะพัฒนาเป็น “ศูนย์กลางทางการแพทย์” หรือ “Medical Hub” ซึ่งเป็นมุมมองที่สอดคล้องกับโรงพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่ที่เชื่อว่าจะไม่ถูกกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการคุมราคายา และค่ารักษาพยาบาล เนื่องจากมีต้นทุนที่แตกต่างจากโรงพยาบาลรัฐ ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีเคยพูดถึงเรื่องนี้ว่าการจะนำแนวคิดนี้มาใช้จะต้องรับฟังข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น BCH ประเมินราคาเป้าหมายที่ 21 บาทต่อหุ้น โดยมองแนวโน้มภาพรวมธุรกิจปี 2562 ของ BCH มองว่าผลประกอบการจะสามารถเติบโตได้ดี โดยประเมินกำไรทั้งปีเติบโตราว 14% จากปีก่อน ซึ่งปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้นราว 9% จากปีก่อนหลังได้โควตาเพิ่ม และการบันทึกบัญชีส่วนค่าภาระเสี่ยงที่กลับมาสู่ระดับปกติ หลังจากในไตรมาสที่ 4/61 ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนวิธีจ่ายเงินของสำนักงานประกันสังคมในส่วนค่าภาระเสี่ยง ทำให้การบันทึกรายได้ส่วนเพิ่มลดลงอย่างมีนัยยะ แต่จะเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น และจะไม่เกิดขึ้นอีกในปีนี้

สำหรับโรงพยาบาลเวิลด์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ (WMC) คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้จากลูกค้าเงินสด โดยในปีที่ผ่านมา BCH ได้มัการเปิดศูนย์แผลเบาเหวานที่เท้า ทำให้รายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดและเชื่อว่าจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกมาถึงปีนี้ด้วย พร้อมกันนี้ยังมีแผนการเปิดให้บริการศูนย์ IVF ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการได้รับแรงหนุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ด้วย

อย่างไรก็ดี มองว่าการเปิดให้บริการโรงพยาบาลใหม่จะไม่กระทบต่อต้นทุนของ BCH มากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่จะทยอยเปิดในช่วงปี 2563-2564 ขณะที่ประเด็นการคุมค่ายาของภาครัฐมองว่าทำได้ค่อนข้างยากในทางปฏิบัติและอาจติดขัดเรื่องประเด็นกฎหมาย

 

Back to top button