เปิด 22 บจ.เรียงคิวเข้าเทรด “ออลล์ อินสไปร์ฯ” ประเดิมเจ้าแรกต้นพ.ค.นี้
เปิด 22 บจ.เรียงคิวเข้าเทรด “ออลล์ อินสไปร์ฯ” ประเดิมเจ้าแรกต้นพ.ค.นี้
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจรวบรวมรายละเอียดบริษัทจดทะเบียนที่จะมีการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชนทั่วไป (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยพบว่ามีบจ.ทั้งหมด 22 บจ. ที่ยื่นไฟลิ่งกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
โดยแบ่งเป็น 17 บจ. ที่ทางก.ล.ต.ได้นับหนึ่งไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อย ประกอบด้วย 5 บริษัทที่จะเข้าซื้อขายใน SET มีดังนี้ ดูโฮม , วีรันดา รีสอร์ท , แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้,อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ และสบาย เทคโนโลยี ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์
ขณะที่บจ.ที่ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อย และจะเข้าซื้อขายใน mai ทั้งหมด 12 บจ. ดังนี้ ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง , ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ,อรินสิริ แลนด์ ,บูทิค คอร์ปอเรชั่น ,ชิค รีพับบลิค ,เลเท็กซ์ ซิสเทมส์,มิตรสิบ ลิสซิ่ง,วี.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์ ,โรงพยาบาล อินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ ,บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) และคัมเวล คอร์ปอเรชั่น
(คลิกเพื่อขยายขนาดตาราง)
ทั้งนี้ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หลังจาก ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟล์ลิ่ง เป็นที่เรียบร้อย โดยเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 26.79 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ
โดยปัจจุบัน ALL มีทุนจดทะเบียนจำนวน 560 ล้านบาทและมีทุนที่ออกและชำระเต็มมูลค่าแล้วจำนวน 410 ล้านบาท หรือคิดเป็น 410 ล้านหุ้น โดยกลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจหลักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยแนวสูงประเภทคอนโดมิเนียม (Low Rise และ High Rise) และโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยประเภทแนวราบ ได้แก่ ทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์ ดิ เอ็กเซล ไรส์ อิมเพรสชั่น และ เดอะ วิชั่น
ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา หากพิจารณาจากผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2558 – 2560 และงวด 9 เดือนแรกปี 2561 นั้น กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2558 มีรายได้รวม จำนวน 109.14 ล้านบาท 419.69 ล้านบาท 714.50 ล้านบาท และ 1,626.77 ล้านบาท ตามลำดับ และในช่วงเวลาเดียวกันกลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 3.55 ล้านบาท 11.03 ล้านบาท 80.80 ล้านบาท และ 212.73 ล้านบาท ตามลำดับ
ด้านนายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ALL เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินระดมทุนที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในหลายพื้นที่ที่มีศักยภาพ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานในอนาคต
โดยบริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ถือหุ้น คู่ค้า พนักงาน เป็นต้น โดยการเสนอขาย IPO ครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากตลาดเงินและตลาดทุนสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทฯ วางแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตจำนวน 6 แห่ง มูลค่าโครงการรวมประมาณ 15,350 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,650 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมแบบ High Rise จำนวน 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 11,700 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเปิดขายได้ภายในปี 2562 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทมุ่งเน้นพัฒนาโครงการบนพื้นที่ในรัศมีแนวระบบขนส่งมวลชนระบบรางของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน ตลอดจนทำเลอื่นที่มีศักยภาพ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ โดยเน้นฟังก์ชั่น การใช้งานการออกแบบที่ทันสมัยละเป็นเอกลักษณ์และมุ่งเน้นให้ผู้อยู่อาศัยใช้ชีวิตได้จริง รวมถึงการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งแวดล้อมที่ดี ในราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ ตามแนวคิด “Class of Living” ชีวิตที่มีระดับ คือชีวิตที่คุณเลือกเอง