“ไอพีโอ” น้องใหม่ ALL ลงสนามเทรดวันแรกลุ้นราคาวิ่งแตะ 6 บ.
"ไอพีโอ" น้องใหม่ ALL ลงสนามเทรดวันแรกลุ้นราคาวิ่งแตะ 6 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (8 พ.ค.) บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL เข้าขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง เป็นวันแรก โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. และหุ้นชำระแล้ว จำนวน 560 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 560 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น ซึ่งกำหนดราคา IPO อยู่ที่ 4.90 บาท โดยจัดสรรให้กับประชาชนทั่วไป 135 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร หรือพนักงานของบริษัทหรือบริษัทย่อย (ESOP) จำนวน 15 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 26-30 เม.ย.62
สำหรับ ALL เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมและทาวน์โฮม ให้บริการเป็นตัวแทนและนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ สำหรับตลาดต่างประเทศ ลงทุนและซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างแล้วเสร็จจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายอื่น และให้บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด
ด้าน นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ALL เปิดเผยว่า พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 8 พ.ค.นี้ มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน หลังจากที่ปิดการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 26.79% ของจำนวนหุ้นหลัง IPO ซึ่งปัจจุบัน ALL มีทุนจดทะเบียนจำนวน 560 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและชำระเต็มมูลค่าแล้วจำนวน 410 ล้านบาท
โดยภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ ได้การตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนทั่วไป ที่เข้ามาจองซื้อหุ้น IPO อย่างคึกคัก ดังนั้นเชื่อว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจ และให้การตอบรับที่ดีกับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯมีศักยภาพในด้านการเป็นผู้พัฒนาและให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร (Total Real Estate Solutions) โดยจะเห็นได้จาก กลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise และ High Rise ภายใต้แบรนด์ ดิ เอ็กเซล ไรส์ และ อิมเพรสชั่น รวมถึงทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์ เดอะ วิชั่น ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาโดยกลุ่มบริษัทเอง
รวมทั้งกิจการร่วมค้าอีก 3 บริษัท คือ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ – ฮูซิเออร์ สุขุมวิท 50 จำกัด (ALL Hoosiers) เพื่อพัฒนาโครงการ The Excel Hideaway Sukhumvit 50 ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบLow Rise บริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด (AHJ Ekkamai) เพื่อพัฒนาโครงการ Impression Ekkamai ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบ High Rise และบริษัท เอจี ทองหล่อ 12 จำกัด (AG Thonglor) เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมแบบ High Rise ย่านทองหล่อ
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ธุรกิจให้บริการเป็นตัวแทนและนายหน้าในการขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับตลาดต่างประเทศ ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ไทย ดี เรียลเอสเตท จำกัด (Thai D) ธุรกิจลงทุนและซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างแล้วเสร็จ ภายใต้ชื่อ “Rise Venture” ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ไรส์ เอสเตท จำกัด (RISE)
อีกทั้งธุรกิจให้บริการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ออลล์ พร็อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส จำกัด (ALL Prop) ซึ่งจากจุดแข็งดังกล่าว สามารถตอกย้ำให้เห็นศักยภาพ ที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้พักอาศัยครบในทุกมิติ ด้วยความเหนือชั้นอย่างมีสไตล์ ดังนั้นด้วยโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง จึงทำให้ ALL มีความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดอย่างเห็นได้ชัด
“ALL มีความโดดเด่นในการมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยคุณภาพในพื้นที่ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะแนวระบบขนส่งมวลชนหลักของกรุงเทพฯ เช่น BTS และ MRT ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และความต้องการอยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง จึงทำให้ทุกโครงการของบริษัทได้รับการตอบรับที่ดี ยอดขายมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ที่สำคัญบริษัทฯ ใช้ระยะเวลาเพียง 6 ปี ก็ สามารถนำพาบริษัทฯเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว และมีการสร้างอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในทุกๆปี ซึ่งจากศักยภาพดังกล่าว จึงมั่นใจว่า หุ้น ALL จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุน อย่างแน่นนอน” นายธนากร กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนขยายธุรกิจใน 3 ด้าน ได้แก่ 1).ใช้ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยปี 2562 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่รวมจำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 18,250 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียมประเภท High Rise จำนวน 3 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียมประเภท Low Rise จำนวน 3 โครงการ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ ALL ในอนาคต
2).ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม โดย ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีหนี้สินรวมมูลค่าประมาณ 5,238 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 6.78 เท่า และมีอัตราส่วนภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุน (Interest-Bearing Debt : IBD/E Ratio) อยู่ที่ 4.66 เท่า โดยหลังจากการระดมทุนบริษัทจะนำเงินบางส่วนชำระหนี้จากสถาบันการเงิน คาดว่าจะทำให้ D/E Ratio และ IBD/E Ratio ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
3).ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและขาย จำนวน 1 โครงการ, โครงการที่อยู่ระหว่างการขายและรอการพัฒนา จำนวน 7 โครงการ และเป็นโครงการทาวน์โฮม จำนวน 1 โครงการ ซึ่งเริ่มเปิดขายในไตรมาส 1/2562 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งการเข้าระดมทุนในครั้งนี้ จะช่วยให้บริษัทฯสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และจะผลักดันให้บริษัทฯก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศได้ตามวิสัยทัศที่ตั้งไว้