เจาะกลยุทธ์ลงทุนเดือนมิ.ย.62 เคาะ 20 หุ้นเด่นเน้น Domestic play ปลอดภัยจาก Trade war

 เจาะกลยุทธ์ลงทุนเดือนมิถุนายน 62 เคาะ 20 หุ้นเด่นเน้น Domestic play ปลอดภัยจาก Trade war


เข้าสู่การลงทุนเดือนมิถุนายนปี 2562 “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมกลยุทธ์การลงทุนพร้อมปัจจัยที่ต้องจับตาในการลงทุนช่วงท้ายไตรมาส 2/62 มานำเสนอ โดยอาศัยบทวิเคราะห์จาก 4 โบรกเกอร์ชั้นนำของไทยนำโดย บล.ทิสโก้,บล.เคจีไอ,บล.ฟินันเซีย ไซรัส, บล.กรุงศรี ซึ่งระบุเอาไว้ดังนี้

โดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีมุมมองว่าการลงทุนในเดือนนี้ะยังผันผวนโดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของเดือนซึ่งถูกกดดันจากปัญหา Trade war ที่ขยายตัวเป็นวงกว้างรวมไปถึงราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน

อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงปลายเดือนเก็งกำไรปัญหา Trade war จะคลี่คลายในการประชุม G20 ในช่วงวันที่ 28-29 มิ.ย.รวมไปถึงการเก็งกำไรการจัดตั้งทีมเศรษฐกิจ และการประกาศ Action plan เพื่อฟื้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่

โดยทั้ง 4 โบรกเกอร์แนะลงทุนหุ้นอิงเศรษฐกิจในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนที่ได้ประโยชน์จากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ปลอดภัยจาก Trade war และหุ้นผันผวนต่ำ ดังนี้ AEONTS, CBG, CK, MAJOR, ROJNA, SEAFCO,WHA ,STEC,CPALL,GLOBAL, SAWAD,BGRIM,RATCH,GUNKUL,ICHI, SYNEX, TACC, ADVANC, BEM, BDMS เป็นต้น

บล.ทิสโก้ ระบุว่า ธีมหุ้นเด่นเดือน มิ.ย. เน้นหุ้นอิงเศรษฐกิจในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนที่ได้ประโยชน์จากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ถึงแม้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมยังถูกกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า แต่มองตลาดหุ้นไทยเป็นตลาด “Defensive” ทำให้ Downside ค่อนข้างจำกัด (แต่ในขณะเดียวกัน Upside ก็จำกัดเช่นกัน) ขณะที่มองการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่จะตามมาด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

ดังนั้นประเด็นหุ้นน่าลงทุนในเดือนนี้ จึงเน้นหุ้นอิงเศรษฐกิจในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่

โดยหุ้นเด่นในเดือน มิ.ย. ที่แนะนำ คือ AEONTS, CBG, CK, MAJOR, ROJNA, SEAFCO และ WHA ด้านแนวรับ และแนวต้านสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1600, 1575-80, 1550 และ 1640, 1660-65, 1675-85 จุด ตามลำดับ

 

บล.เคจีไอ ระบุว่า จากความตึงเครียดของสถานการณ์การค้าโลก และการปรับลดประมาณการ EPS หุ้นไทยและเป้าดัชนี SET จึงยังคงมองลบกับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือนมิถุนายน และเนื่องจากเป้าใหม่ของดัชนีปีนี้ของอยู่ที่ 1,650 จุด

ในขณะที่การวิเคราะห์ชี้ว่านักลงทุนมักจะ discount มูลค่าเหมาะสมไปอีกประมาณ 4-5% ก่อนที่จะกลับเข้ามาในตลาด ดังนั้นจึงมองว่าดัชนี SET น่าจะถึงจุดต่ำสุดที่ประมาณ 1,580 จุด

สำหรับเดือนมิ.ย.ยังมีมุมมองที่เป็นลบกับดัชนี SET และมีโอกาสสูงที่ตลาดจะเกิด correction ต่อและหลุดแนวรับทางจิตวิทยาที่ 1,600 จุดเนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้

ข้อแรก ด้วยนโยบายปกป้องทางการค้าของ Trump ที่ใช้กับจีนและประเทศอื่น ๆ ทำให้เราไม่คิดว่าความตึงเครียดทางการค้าจะคลี่คลายได้เร็ว มุมมองในกรณีฐานของเราก็คือน่าจะยังไม่เห็นทางออกของกรณีพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐจากการประชุม G-20 summit ในวันที่ 28-29 มิถุนายน

ข้อสอง ถึงแม้ว่าภาพการเมืองไทยน่าจะชัดเจนแล้วในเดือนนี้ แต่อย่างดีตลาดหุ้นไทยก็น่าจะทำได้แค่ outperform ตลาดหุ้น EM แต่ยังไม่น่าจะสวนกระแส risk-off ของตลาดหุ้นโลกได้

ข้อสามปรับลดประมาณการ EPS และเป้าดัชนี SET ลงอีก ซึ่งจากการวิเคราะห์ของเราที่อิงจากรูปแบบการซื้อขายของตลาดในอดีตชี้ว่าระดับที่น่าจะเห็นแรงซื้อกลับอยู่ที่ประมาณ 1,580 จุดหรือต่ำกว่านั้น โดยสรุปแล้วยังคงระมัดระวังกับแนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้น แต่มองว่าแรงแกว่งในขาลงน่าจะมีจำกัด

เนื่องจากคาดว่า SET Index อาจจะปรับฐานต่อไปอีกระดับหนึ่ง และหุ้นที่อ่อนไหวกับวัฏจักรเศรษฐกิจโลกก็อาจจะunderperform จากประเด็นสงครามการค้า

ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนเน้นที่ i) หุ้นในประเทศซึ่งอาจจะตอบรับด้านบวกกับพัฒนาการของการเมืองในประเทศ อย่างเช่น การจัดตั้งรัฐบาลผสมหลังการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 มิถุนายน 2562 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นการบริโภคของผู้บริโภคระดับกลางถึงล่าง หลังจากตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว

ii) หุ้นผันผวนต่ำ (defensive) ที่มีแนวโน้มกำไรชัดเจนซึ่งสามารถทนแรงกระเพื่อมของตลาดได้ และ iii) หุ้นที่ได้อานิสงส์จากประเด็นเฉพาะ อย่างเช่น การประกาศรายชื่อหุ้นที่ใช้คำนวณดัชนี SET50 ใน 2H62 ซึ่งจากทั้ง 3 ธีมนี้ ได้คัดหุ้นเด่นสำหรับเดือนมิถุนายนได้ดังนี้ CK*, STEC*, CPALL*, GLOBAL*, SAWAD*, BGRIM* และ RATCH*

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปรับเป้าดัชนีลงเป็น 1,720 จุด แม้กำไรไตรมาส 1/62 จะต่ำกว่าที่คาดเพียง 4% แต่สงครามการค้าที่บานปลาย ท่าทีของจีนที่แข็งกร้าวมากขึ้น เป็นไปได้ว่าการเจรจาอาจยืดเยื้อถึงการเลือกตั้งปธน.สหรัฐปลายปีหน้า

ปรับกำไรของบริษัทจดทะเบียนใน FSS coverage ปีนี้ลงจากเดิมคาด +10.7% เหลือ +6.5% เป็น EPS 104.79 บาท ได้ SET Target 1,720 จุด (PE 16x) ลดจากเป้าเดิมที่ 1,800 จุด แนะนำให้โฟกัสธุรกิจที่มีรายได้ในประเทศ ฐานะการเงินมั่นคง ไม่มีหนี้เกินตัว ทนทานเศรษฐกิจที่ผันผวน หุ้นแนะนำเดือนนี้ได้แก่ CPALL, GUNKUL, ICHI, SYNEX, TACC

คาด SET Index เดือน มิ.ย. ยังผันผวนโดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก แต่จะฟื้นตัวได้ในช่วงปลายเดือนกลยุทธ์เน้น Domestic Play Top pick – ADVANC, BEM, BDMS, CK และ CPALL

 

บล.กรุงศรี  ระบุว่า แนวโน้มเดือน มิ.ย. คาด SET Index จะยังผันผวนโดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของเดือนซึ่งถูกกดดันจากปัญหา Trade war ที่ขยายตัวเป็นวงกว้าง (จากจีนสู่เม็กซิโก) รวมไปถึงราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน

อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงปลายเดือนเก็งกำไรปัญหา Trade war จะคลี่คลายในการประชุม G20 ในช่วงวันที่ 28-29 มิ.ย.รวมไปถึงการเก็งกำไรการจัดตั้งทีมเศรษฐกิจ และการประกาศ Action plan เพื่อฟื้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ให้กรอบ SET Index เดือน มิ.ย.ที่ระดับ 1,600 -1,650 จุด

กลยุทธ์ยังเป็น Selective buy เน้นกลุ่ม Domestic play ปลอดภัยจาก Trade war Top pick เดือน มิ.ย. ADVANC, BEM, BDMS, CK และ CPALL

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button