คัด 15 หุ้น SET ราคาร่วงยาว! ชู 5 เดือนนักลงทุนกระเป๋าฉีกเกิน 30%

ผ่านไปแล้วสำหรับการลงทุน 5 เดือนแรกปี 2562 แน่นอนการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีทิศทางสดใสและปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับปัจจัยบวกหลายเข้ามาหนุนโดยเฉพาะการเมืองที่ได้มีการจัดเลือกตั้งเป็นที่เรียบร้อย

ขณะเดียวกันการประชุมเฟดในช่วงที่ผ่านมาได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% ตามคาด พร้อมทั้งส่งสัญญาณชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นตอบรับปัจจัยดังกล่าว

อีกทั้งล่าสุดการเมืองในประเทศชัดเจนมากขึ้น หลังผลโหวตสมาชิกรัฐสภาเลือกพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯให้กลุ่ม Domestic Play คาดว่าจะยังเคลื่อนไหวได้แข็งแกร่งในระยะกลาง-ยาวจากการกระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ

อย่างไรก็ตามครั้งก่อนได้นำเสนอกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงในช่วง 5 เดือนไปแล้วครั้งนี้จะขอนำเสนอกลุ่มหุ้น SET ที่ปรับลงแรงเกิน 30% มานำเสนอด้วยเช่นกัน โดยพบว่ามีหุ้นที่เข้าเกณฑ์ 15 ตัว ได้แก่ SKN,TRC,7UP,MILL,PACE,SMPC,SRICHA,SMM,MC ,IHL,BEAUTY,KCE,HTECH,HUMAN,PERM ดังตารางประกอบดังนี้

โดย อันดับ 1 บริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKN  ราคาหุ้น 5 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลงแรง 48.64% โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 3.68 บาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.61 มาอยู่ที่ระดับ 1.89 บาท เมื่อวันที่ 31พ.ค.62 คาดนักลงทุนขายหุ้นเนื่องจากบริษัทยังไม่มีแผนธุรกิจออกมาโดดเด่นทำให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามด้านพื้นฐานบริษัทยังทำกำไรได้ดีโดยปี 2560 มีกำไรสุทธิ 225.96 ล้านบาท ส่วนปี 2561 มีกำไรสุทธิ 206.79 ล้านบาท นอกจากนี้ราคาหุ้นยังถูกเนื่องจากปัจจุบันมูลค่าหุ้นทางบัญชีอยู่ที่ระดับ 3.00 บาท

ด้านบล.ทิสโก้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 2.76 บาท อิง PBV ที่ 0.9 เท่า (จากเดิม 4.10 บาท อิง PER 12 เท่า) โดยคาดกำไรสุทธิในปี 2019 ที่ 129 ล้านบาท (-38% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) คาดหวังการฟื้นตัวจากยอดขายจากการขยายตลาดใหม่จะช่วยทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาดได้ในช่วงครึ่งหลังปี 2562

 

อันดับ 2 บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC ราคาหุ้น 5 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลงแรง 47.50% โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 0.40 บาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.61 มาอยู่ที่ระดับ 0.21 บาท เมื่อวันที่ 31พ.ค.62 คาดนักลงทุนขายหุ้นเนื่องจากบริษัทยังไม่มีแผนธุรกิจออกมาโดดเด่นทำให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา

อีกทั้งบล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ฯให้ระวังหุ้น TRC เนื่องจากเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่รายงานงบการเงินต่ำ คาดจะโดนแรงขายจากการปรับลดประมาณการกำไร และอาจโดน De-rate P/E

อนึ่ง TRC และบริษัทย่อย  ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/62 ขาดทุนสุทธิ 47.82 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.0078 บาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.04 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.0015 บาท

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ TRC เมื่อวันที่ 14 พ.ค. อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 3,423,981,013 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 0.125 บาทต่อหุ้น โดยจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นสามัญ อัตราส่วน 9 หุ้นเดิม : 5 หุ้นใหม่ ราคาจองซื้อ 0.125 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันจองซื้อและชำระค่าหุ้นในวันที่ 15 ก.ค. 2562 ถึงวันที่ 22 ก.ค. 2562 และวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (Record date) 1 ก.ค. 2562 ส่วนวันที่ไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (XR) 28 มิ.ย. 2562

รวมถึงอนุมัติให้ TRC Investment Limited บริษัทย่อยที่สาธารณรัฐเมอริเชียส และ TRC International Limited บริษัทย่อยที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ถือหุ้นของบมจ.อาเซียนโปแตชชัยภูมิ (APOT) ทั้งหมดจำนวน 7.05 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25.13 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วของ APOT ไม่ใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมของ APOT ตามสัดส่วนที่ถือหุ้นในปัจจุบันให้แก่กลุ่มบริษัท จำนวน 8,812,500 หุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 15 บาท ดังนั้น หาก APOT ได้รับชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนครบตามที่เสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน APOT ของกลุ่มบริษัทลดลงเหลือร้อยละ 11.17

 

อันดับ 3 บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ 7UP  ราคาหุ้น 5 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลงแรง 43.18% โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 0.44 บาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.61 มาอยู่ที่ระดับ 0.25 บาท เมื่อวันที่ 29 มี.ค.62 คาดนักลงทุนทยอยขายหุ้นเนื่องจากบริษัทไม่มีแผนงานออกมาโดดเด่น นอกจากนี้ผลการเนินงานที่ผ่านมายังขาดทุนต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2558 จึงทำให้ราคาหุ้นเป็นขาลงต่อเนื่องในช่วงดังกล่าว

อย่างไรก็ตามตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งย้ายการซื้อขายของหุ้น 7UP จากกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มาอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.62

 

อันดับ 4 บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL ราคาหุ้น 5 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลงแรง 41.94% โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 1.55 บาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.61 มาอยู่ที่ระดับ 0.90 บาท เมื่อวันที่ 29 มี.ค.62 คาดนักลงทุนทยอยขายหุ้นเนื่องจากบริษัทไม่มีแผนงานออกมาโดดเด่น

นอกจากนี้ผลการเนินงานที่ผ่านมาเริ่มขาดทุนนับตั้งแต่ปี 2561 ประกอบกับไตรมาส 1/62 บริษัทพลิกขาดทุน 186.92 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 52.68 ล้านบาท จึงทำให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นในช่วงดังกล่าว

 

อันดับ 5  บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE  ราคาหุ้น 5 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลงแรง 41.67% โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 0.36 บาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.61 มาอยู่ที่ระดับ 0.21 บาท เมื่อวันที่ 31 พ.ค.62 เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทประกาศผลประกอบการปี 2561ออกมาพลิกขาดทุน 5.15 พันล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 171.12 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ลดและขาดทุนด้อยค่าสินทรัพย์

อีกทั้งนี้ราคาหุ้นปรับตัวลงจากประเด็นคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 11 มี.ค.62 อนุมัติการลดทุนจดทะเบียน โดยตัดหุ้นที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่าย หลังจากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2.68 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ 1.45 หมื่นล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ 1.23 หมื่นล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท แบ่งจัดสรรจำนวนไม่เกิน 8.03 พันล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) ในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 0.25 บาท โดยกำหนดจองซื้อและชำระเงินในวันที่ 3-7 มิ.ย.62

ขณะเดียวที่ผลงานไตรมาส 1/62 ขาดทุน 317 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนขาดทุน 4 พันล้านบาท หลังหมดด้อยค่า “มหานครฯ-จุดชมวิว” แต่ราคาหุ้นก็ยังไม่ตอบรับและอ่อนตัวต่อเนื่องในช่วงดังกล่าว

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน