จัดทัพ 5 หุ้นเด็ด! เน้นธีม Dividend Yield สูง-อัพไซด์เพียบฉายแวว Outperform ตลาด
จัดทัพ 5 หุ้นเด็ด! เน้นธีม Dividend Yield สูง-อัพไซด์เพียบฉายแวว Outperform ตลาด
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับการลงทุนในโดยพบว่านักวิเคราะห์มองดัชนีระยะสัปดาห์ยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบ โดยอัพไซด์ของดัชนีเริ่มมีจำกัด แนะนำลงทุนในหุ้นที่ยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูง อีกทั้งเป็นหุ้นปลอดภัยที่มีอัตราส่วนการปันผล (Dividend Yield) สูง
โดย บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองว่าประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ รอดูท่าทีการประชุม Fed 18-19 มิ.ย. แม้คาดว่ายังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.5% แต่มีโอกาสลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี จากสถิติในอดีตบ่งชี้ว่า หลังจากการประชุม Fed ไม่ว่าจะคงหรือลดดอกเบี้ย SET Index มักจะตอบรับในเชิงลบ
ส่วนประเด็นในประเทศคาดว่าตลาดฯประกาศหุ้นเข้าออกจากดัชนี SET50 และ SET100 รอบครึ่งปีหลังของปีนี้ในสัปดาห์นี้ หุ้นที่ถูกคัดเข้ายังมีโอกาสปรับขึ้นได้แต่อาจไม่ร้อนแรงเหมือนสถิติในอดีต ส่วนหุ้นที่ถูกคัดออกถือว่าเป็น Sentiment เชิงลบกดดันในช่วงสั้น ภาพรวมตลาดวันนี้ยังถูกกดดันจากประเด็นอินเดียตอบโต้ทางการค้าสหรัฐ บวกกับ Upside ของดัชนีที่เริ่มจำกัด กลยุทธ์แนะลงทุนในหุ้นที่มีผลประกอบการโดดเด่นกว่าตลาด อย่าง SCCC (ราคาเป้าหมาย 269 บาท) และ TPIPP (ราคาเป้าหมาย 6.8 บาท) เป็น Top Picks
ขณะเดียวกันตลอดสัปดาห์นี้มีการประชุมธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก เริ่มตั้งแต่ 18-19 มิ.ย. ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) โดยในรอบนี้ตลาดคาดว่า Fed จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่เดิม 2.5% โดยตลาดให้น้ำหนัก Fed จะมีส่งสัญญาณถึงทิศทางดอกเบี้ยในอนาคตที่ชัดเจนขึ้นหรือไม่ และคาดว่าในการประชุม Fed ที่เหลืออีก 4 ครั้งที่เหลือของปีนี้ คือ (รอบ ก.ค. ก.ย. ต.ค. และ ธ.ค.) Fed น่าจะปรับลดดอกเบี้ยราว 1-2 ครั้ง และปรับลดราว 0.25-0.5% โดยคาดโอกาสราว 95% จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. หรือ ในเดือน ธ.ค. และ19-20 มิ.ย.ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) 20 มิ.ย.ประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) คาดว่า ทั้ง BOJ และ BOE น่าจะยังคงดอกเบี้ยตามเดิมที่ -0.1% และ 0.75% ตามลำดับ
ด้านภาพรวมของราคาน้ำมันดิบดูไบปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 3 วันติดราว 3.3% แต่หากนับจากจุดสูงสุดของปีวันที่ 24 เม.ย.2562 ปรับลดลงราว 18.6% ล่าสุดราคาปิดวานนี้อยู่ที่ 58.68 เหรียญต่อบาร์เรล (เฉลี่ยนับตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 64.5 เหรียญ) เทียบกับสมมติฐานที่ ASPS คาด 60 เหรียญ ในปี 2562 และนับจากปี 2563 เป็นต้นไปคาดที่ 65 เหรียญฯ โดยระยะสั้นยังแนะนำชะลอการลงในหุ้นกลุ่มน้ำมันและกลุ่มปิโตรเคมี ขณะที่ระยะยาวจึงแนะนำหาจังหวะเข้าไปทยอยสะสมหุ้นน้ำมันที่ราคาเริ่มมี upside เปิดกว้าง และให้ผลตอบแทนจาก Dividend Yield สูง อาทิ PTT, PPTEP, IRPC
ดัชนีเริ่มติด…กลยุทธ์เลือกหุ้นกำไรเด่น ปันผลสูง TPIPP, SCCC
เดือน มิ.ย. 62 Fund Flow ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยกว่า 2 หมื่นล้านบาท หนุนให้ SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ร้อนแรงสุดในภูมิภาคกว่า 52 จุด หรือ 3.22% (นับตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบัน) มาอยู่ที่ 1672.33 จุด อย่างไรก็ตามดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเร็วและแรงจนใกล้เต็มมูลค่าพื้นฐาน คาดว่าจะขึ้นได้จำกัดในกรอบ 1660 – 1680 จุด โดยสัปดาห์นี้ตลาดน่าจะให้น้ำหนักไปที่ 2 ประเด็นหลัก คือ การประชุม Fed วันที่ 18-19 มิ.ย. 62 รอบนี้คาดว่ายังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.5% แต่มีโอกาสลดดอกเบี้ยในรอบที่เหลือของปี จากสถิติในอดีตกรณี Fed คงดอกเบี้ย ชี้ให้เห็นว่า ช่วงหลังจากการประชุม Fed 1 สัปดาห์ SET Index มีโอกาสปรับตัวลงเล็กน้อยเฉลี่ยราว 0.34% และกรณี Fed ปรับลดดอกเบี้ย SET Index มีโอกาสปรับตัวลงเฉลี่ยถึง 1.47% ส่วนประเด็นในประเทศน่าจะให้น้ำหนักไปที่การประกาศหุ้นเข้าออกจากดัชนี SET50 และ SET100 รอบ 2H62 (ส่วนใหญ่จะประกาศในช่วง 1 – 2 สัปดาห์ก่อนมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ก.ค. 62) ฝ่ายวิจัยฯประเมินไว้มีดังนี้
ทั้งนี้ จะสังเกตได้ว่าตั้งแต่ต้นในเดือน มิ.ย. 62 หุ้นที่คาดว่าจะถูกเข้าคำนวณใน SET50 SET100 ราคาตอบสนองเชิงบวกมาได้ระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่หุ้นที่คาดว่าจะถูกคัดออกถูกตลาดดันขึ้นจนมีผลตอบแทนเป็นบวกพอสมควร ดังนั้นหุ้นที่ถูกคัดเข้ายังมีโอกาสปรับขึ้นได้แต่อาจไม่ร้อนแรงเหมือนสถิติในอดีต ส่วนหุ้นที่ถูกคัดออกถือว่าเป็น Sentiment เชิงลบกดดันในช่วงสั้น
กลยุทธ์ด้วย Upside ของดัชนีที่เริ่มจำกัด แนะนำลงทุนในหุ้นที่มี Valuation และการเติบโตเหนือตลาด เลือก SCCC, TPIPP เป็น Top Picks ซึ่งทั้ง 2 บริษัทได้แรงหนุนจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีราว 29%ytd ถือเป็นผลบวกโดยตรงต่อธุรกิจปูนซีเมนต์และธุรกิจโรงไฟฟ้า ดังนี้
1.บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 269 บาท) มีต้นทุนการผลิตกว่า 60-70% เป็นต้นทุนพลังงาน นอกจากนี้แผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ช่วยหนุนความต้องการใช้และราคาปูนซีเมนต์ในประเทศดีขึ้น รวมถึง SCCC จะเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลตอบแทนการลงทุนโครงการที่ลงทุนในต่างประเทศเต็มที่ คาดส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2562-63 เติบโตขึ้นเฉลี่ย 17% ต่อปี พร้อมคาดหวังผลตอบแทนเงินปันผลได้ 4-5% ต่อปี
2.บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.80 บาท) คาดครึ่งปีหลังของปีนี้จะเติบโตโดดเด่น เนื่องจากไม่มีการปิดซ่อมโรงไฟฟ้า ขณะที่ Gross profit margin ดีขึ้น รับผลบวกจากต้นทุนที่ลดลงตามราคาถ่านหินที่ปรับตัวลง และด้วยศักยภาพด้านโรงไฟฟ้าขยะ ความพร้อมด้านเงินทุน จึงมีลุ้นที่จะได้งานประมูลโรงไฟฟ้าขยะหนองแขมและอ่อนนุชรวม 42 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเปิด Upside ให้แก่ TPIPP ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมในประมาณการฯ โดยรวมยังคงคำแนะนำซื้อ จากทิศทางกำไรที่คาดจะทำ New High ต่อในปี 2562 บวกกับราคาหุ้นมี PER ปี 62 เพียง 12 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยฯกลุ่มที่ 30 เท่า อีกทั้งยังโดดเด่นจาก Div. Yield สูงถึงเกือบ 7% p.a. (จ่ายทุกไตรมาส)