ดักเก็บ JKN ลุ้นผลงานครึ่งปีหลังแกร่งรับแผนขยายตลาด-อานิสงส์ลิขสิทธิ์ CNBC ดันกำไรพุ่ง!
ดักเก็บ JKN ลุ้นผลงานครึ่งปีหลังแกร่งรับแผนขยายตลาด-อานิสงส์ลิขสิทธิ์ CNBC ดันกำไรพุ่ง!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN พบว่ามีโบรกฯหลายแห่งกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมองว่าแนวโน้มผลดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2562 จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากการจำหน่ายคอนเทนต์ไปต่างประเทศมากขึ้น
พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 30% ซึ่งจะเน้นการทำตลาดเชิงรุกตามแนวคิด “ซุปเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง” โดยร่วมโรดโชว์ออกบูทงานเทศกาลภาพยนตร์ในหลายประเทศ อาทิ ฮ่องกง เกาหลีใต้ รวมถึงการทำตลาดที่เวียดนามและไต้หวันมากขึ้น โดยนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ทั้งอินเดีย และละครไทยจากทางช่อง 3 ที่ร่วมเป็นทางพันธมิตรในการนำลิขสิทธ์ไปขาย
ขณะที่ JKN จะเริ่มรับผลบวกจากการลิขสิทธิ์ CNBC ในการผลิตรายการข่าวในรูปแบบภาษาไทย เพื่อป้อนให้กับกลุ่มลูกค้าทีวีดิจิทัล โดยวันที่ 1 ก.ค.62 จะเริ่มออกอากาศทางช่อง GMM25 ทั้งหมด 3 รายการ และอยู่ระหว่างเจรจาขายลิขสิทธิ์ให้อีก 2-3 ช่อง พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้อยู่ในช่วง 272-276 ล้านบาท
ด้านนายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง (H2/62) น่าจะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนจากฐานต่ำ และน่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกจากการจำหน่ายคอนเทนต์ไปต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงยังได้รับการติดต่อซื้อลิขสิทธิ์จากช่องทีวีดิจิทัลเข้ามามากขึ้น หลังช่องทีวีดิจิทัลมีสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น ซึ่งสามารถชดเชยกับลูกค้าทีวีดิจิทัลหลักที่คืนช่องทีวีดิจิทัลไป ปัจจุบัน JKN มี Backlog จำนวน 709 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ในปีนี้ได้ทั้งหมด
ประกอบกับในครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯจะเริ่มมีรายได้จาก JKN CNBC ที่หลายช่องให้ความสนใจ และธุรกิจภาพยนตร์ ที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์และขายให้ Over-The-Top (OTT) โดยยังคาดรายได้ปีนี้เติบโตมาอยู่ที่ 1,681 ล้านบาท และคาดกำไรสุทธิเติบโตมาอยู่ที่ 276 ล้านบาท
สำหรับบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ คาดแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 2/62 จะดีกว่าไตรมาสแรก จากการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ส่วนตลาดในประเทศก็เริ่มมีรายได้จากลูกค้าในช่องใหม่ ๆ คือ ช่อง 5 GMM และ PPTV เป็นต้น และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนคาดว่าจะเติบโตอยู่ในระดับกลาง เนื่องจากมีค่าตัดจำหน่ายสูงต่อเนื่องจากไตรมาส 1/62
อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังนี้มองว่าค่าตัดจำหน่ายน่าจะแนวโน้มลดลง หลังจากบันทึกไปมากแล้วในครึ่งปีแรก ในส่วนการซื้อลิขสิทธิ์หนังถึง 965 ล้านบาท จึงคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ไตรมาส 3/62 เป็นต้นไป ขณะที่ด้านผลกระทบที่เกิดจากการคืนใบอนุญาตทีวีดิจิทัลของบางช่อง บริษัทฯ ได้รับการชดเชยจากลูกค้ารายใหม่และตลาดใหม่ ๆ