โค้งสุดท้ายก่อนปิดงบ Q2 แนะสอย “บลูชิพ” ตัวท็อปเป้า Window Dressing-Fund Flow ไหลเข้า

โค้งสุดท้ายก่อนปิดงบ Q2 แนะสอย “บลูชิพ” ตัวท็อปเป้า Window Dressing-Fund Flow ไหลเข้า


เข้าสู่โค้งสุดท้ายปิดงบไตรมาส 2/62 ทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลการลงทุนที่น่าสนใจมาให้นักลงทุนเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยในสัปดาห์นี้ส่วนใหญ่ยังจับตาในประเด็นการประชุม G20 และราคาน้ำมันดิบโลกยังทรงตัวในระดับสูง และการที่ยังอยู่ในภาวะที่ Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง รวมไปถึงความคาดหวังการทำ Window Dressing น่าจะยังเป็นปัจจัยหนุนดัชนีปรับตัวขึ้นได้

อย่างไรก็ตามจากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลบทวิเคราะห์โบรกฯเกอร์ชั้นนำของไทย อาทิ บล.ไอร่า,บล.กสิกรไทย,บล.คันทรี่ กรุ๊ป,บล.ทิสโก้ และ บล.โกลเบล็ก ได้แนะนำกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของ Fund Flow ไหลเข้า และเป็นเป้าในการทำ Window Dressing  ซึ่งส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในหุ้นขนาดใหญ่ (บลูชิพ) นำโดย หุ้นพลังงาน แบงก์ สื่อสาร อสังหาริมรัพย์ และโรงพยายาบาลซึ่งระบุไว้ดังนี้

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ทิศทางตลาดยังให้น้ำหนักไปที่ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่คาดว่ามีความไม่แน่นอนอยู่ พร้อมติดตามการประชุมนอกรอบระหว่างผู้นำ 2 ประเทศ ในการประชุม G20 (28-29/6/62) พร้อมติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ทำให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น ทำให้คาดมีแรงเก็งกำไรกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน

คาดยังได้รับปัจจัยหนุนต่อเนื่องจากกระแส Fund Flow หลังเฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังปี 2562 ประมาณ 0.25 – 0.50% และพร้อมผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น คาดยังเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

ทางด้านประเด็นในประเทศ คาดได้รับ Sentiment บวก จากการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ คาดแล้วเสร็จประมาณกลาง ก.ค. หลังโปรดเกล้าฯ นายกรัฐมนตรี (11/6/62) และภายใต้ความชัดเจนทางการเมืองที่มีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง พร้อมคาดการดำเนินงานนโยบายและการบริหารงานต่างๆ มีความต่อเนื่อง ทำให้คาด Fund Flow มีโอกาสไหลกลับต่อเนื่อง ยอด YTD เพิ่มขึ้นเป็นซื้อสุทธิสะสมกว่า 37,000 ล้านบาท  โดยแนะติดตามกลุ่มธนาคาร กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากรัฐบาลใหม่  พร้อมติดตามประเด็นการทำ Window Dressing ไตรมาส 2/62 ช่วงปลายเดือน

 

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,710-1,725 จุด รอปัจจัยบวกใหม่ๆ คาดจะยังเห็น fund flow ไหลเข้าลงทุนหุ้นไทย เพราะยังคง underweight ตลาดหุ้นไทย และหุ้นไทยยังน่าสนใจในเชิง Yield gap KS ได้คัดกรองหุ้นทีเป็นเป้าหมายซื้อของต่างชาติรอบนี้ ได้แก่ PTT ADVANC SCC PTTEP SCB BBL KTB EGCO DTAC RATCH TISCO ROBINS

 

บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สำหรับนักลงทุนระยะสั้นเก็งกำไรในกลุ่มพลังงานโรงกลั่นและปิโตรเคมี BCP PTT PTTEP PTTGC TOP ส่วนนักลงทุนระยะกลาง – ยาว ยังคงแนะให้ถือหุ้นต่อ Let Profit Run เกาะกระแสไปกับเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติ และหากนักลงทุนท่านใดมีความประสงค์ต้องการลงทุนเพิ่มยังคงแนะนำหุ้นขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ AOT ADVANC CPN SCC รวมถึงหุ้นโรงพยาบาล BCH BDMS CHG RJH พร้อมแนะถือครองเงินสด 40%

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กลยุทธ์การลงทุน ตลาดยังคงให้น้ำหนักสหรัฐทำประชาพิจารณ์รอบที่ 4, การประชุม G20 และราคาน้ำมันดิบโลกยังทรงตัวในระดับสูง และการที่ยังอยู่ในภาวะที่ Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง รวมไปถึงความคาดหวังการทำ Window Dressing น่าจะยังเป็น Momentum หนุน SET Index แต่หากมีการย่อตัวลงมาถือเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้น

โดย Fund Flow ยังคงเป็นแรงส่งสำคัญช่วยหนุนดัชนีในช่วงนี้ หากพิจารณาในช่วงปลายเดือน พ.ค.62 จะเห็นได้ว่ามีประเด็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยหลายเรื่อง เช่น การเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยตามการ Rebalance ของดัชนี MSCI และการได้มาของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รวมถึงความคาดหวังต่อการใช้นโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายของสหรัฐ หนุน Fund Flow ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยโดดเด่นสุดในภูมิภาค โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. 62 ถึงปัจจุบัน มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยกว่า 5.3 หมื่นล้านบาท

หุ้นเด่น Window Dressing งวดไตรมาส 2/62 : PTT, PTTEP, BBL จากการศึกษาข้อมูลการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ย้อนหลัง 5 ปี พบว่า เดือน มิ.ย. เป็นเดือนที่นักลงทุนสถาบันฯ มักจะซื้อสุทธิหุ้นไทยมากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี เฉลี่ยสูงถึง 1.09 หมื่นล้านบาท และเป็นการซื้อสุทธิตลอดทั้ง 5 ปี ทำให้เชื่อว่า ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากการทำ Window Dressing ของนักลงทุนสถาบันในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน มิ.ย. โดยน่าจะมีเป้าหมายอยู่ที่หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งที่มี Market Cap. ขนาดใหญ่เป็นหลัก เช่น PTT, PTTEP, BDMS, BBL, CPN, BJC และ IRPC

สำหรับหุ้น Top Picks  เลือก หุ้นน้ำมันขนาดใหญ่ PTTEP (FV@B166), PTT(FV@B53) และชื่นชอบหุ้นโรงกลั่น PTTGC (FV@B72) เชื่อราคาหุ้นได้ปรับฐานสะท้อนภาพอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงกลั่นในปีนี้ที่ไม่สดใสไปแล้วในระดับหนึ่ง และพร้อมความหวัง Dividend Yield ราว 5% ต่อปี

 

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ทิศทางตลาดจับตาการประชุม G20 28-29 มิ.ย.นี้ ท่ามกลางความหวังว่าผู้นำสหรัฐฯ-จีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกัน ด้านปธน.ทรัมป์ระบุ หากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับจีน จะเดินหน้าขึ้นภาษีรอบใหม่ แต่อาจลดเหลือ 10% จากเดิมที่ตั้งเป้าที่ 25%

มอง SET ยังอยู่ในโหมดแกว่งพักฐานในกรอบจำกัด หลัก ๆ เนื่องจากรอผลการประชุม G20 แต่ให้น้ำหนักอิงทางแดนบวกอ่อนๆ คาดว่าตลาดจะได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี หลังราคาน้ำมันไต่ขึ้นสูงสุดใหม่ในรอบ 1 เดือน ประกอบเงินบาทที่ยังแกว่งทรงตัวในระดับแข็งค่าสุดรอบ 6 ปี ยังหนุนเงินทุนต่างประเทศไหลเข้า ผสานกับแนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นศก.และการเร่งรัดการลงทุนของรัฐบาลชุดใหม่ในระยะถัดไป

มอง SET แกว่งการพักฐานไม่น่าหลุดระดับ 1700 จุด และยังเป็นจังหวะในการทยอยสะสม แนวรับ 1713-14, 1705+/- แนวต้าน 1725-30 กลยุทธ์การลงทุน : ขึ้นขายล็อกกำไรบางส่วน-ลงซื้อคืนทำรอบ, บางส่วนถือต่อ

โดยแนะนำธีมลงทุนในกลุ่มดังนี้ หุ้นเข้าข่าย Window Dressing – BBL, KBANK, CPN, CPNREIT, RATCH, TTW, VGI / ทยอยสะสมหุ้นคาดเบื้องต้นว่ากำไรปกติ Q2 โต YoY และมีปันผลจ่ายระหว่างกาล – ชอบ AMATA, BAY, BCH, BGRIM, BLA, CBG, GGC, HMPRO, LPN, MAJOR, PYLON, ROJNA, SEAFCO, SPALI, TASCO, TFG, TPIPP / หุ้นพื้นฐานดี-รายได้มั่นคง-ปลอดภัยจากสงครามการค้า – ADVANC, AOT, BEM, BTS, INTUCH, MAJOR เป็นต้น

 

บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มผันผวนต่อรอฟังผลการประชุม G20 โดยเฉพาะการประชุมนอกรอบระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.สีจินผิ้ง จึงบวก-ลบได้ไม่มาก คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,707-1,727 จุด กลยุทธ์การลงทุนแนะนำธีมหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายในการทำ Window Dressing : PTT SCC KBANK SCB BBL CPN PTTGC IVL TOP BH IRPC

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button