โบรกฯ ฟัน OSP ผลงานโดดเด่น ปรับประมาณการกำไรทั้งปีเพิ่ม
โบรกฯ ฟัน OSP ผลงานโดดเด่น ปรับเป้ากำไรทั้งปีโตทะลัก 30%
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้น บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP หลังราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง โดยปิดตลาดวานนี้ (10 ก.ค.) ที่ระดับ 35.75 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 3.62% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 727.97 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2561 มีราคา IPO อยู่ที่ระดับ 25 บาท
โดยพบว่า นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น OSP โดยแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/62 ยังโตดีเมื่อเทียบจากปีก่อน จากทั้งการโตของรายได้ และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องตามเป้าหมายของบริษัท แต่คาดกำไรจะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เพราะมีหยุดการผลิต C-Vitt บางสายราว 1 เดือนเพื่อขจัดปัญหาคอขวด ปัจจุบันปรับปรุงแล้วเสร็จ และกลับมาเดินกำลังการผลิตได้ปกติ โดยช่วยเพิ่มกำลังการผลิตอีก 30% คาดจะช่วยหนุนการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังปี 2562 และบริษัทได้ออกสินค้าใหม่ 3 รายการในไตรมาส 2/62 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และน่าจะรับรู้รายได้เต็มไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 3/62 เป็นต้นไป จากกำลังการผลิต C-Vitt ที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้นจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2562 ขึ้น 3% เป็นการเติบโต 31.1% เมื่อเทียบจากปีก่อน และคาดจะโตต่อเนื่องในปี 2563 จากทั้งรับรู้กำลังการผลิต C-Vitt ใหม่ได้เต็มปี และเริ่มรับรู้โรงงานบรรจุเครื่องดื่มแห่งแรกในพม่า ทั้งนี้ปรับเพิ่ม PE เป็น 30 เท่า จากเดิม 27 เท่า เพื่อสะท้อนการเติบโตที่สูงขึ้น และใกล้เคียงกับ PE เฉลี่ยของกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังของโลกที่เทรดอยู่ที่ 30-35 เท่า ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ในปี 2562 เป็น 37 บาท จากเดิม 32.5 บาท
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” OSP และปรับราคาเป้าหมายเป็นปี 2563 ที่ 40บาท (เดิม 34.00 บาท) อิง PER 30.2 เท่า ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตของผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิปี 2562-2564 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง มี CAGR 13.5%
สำหรับแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 เติบโตก้าวกระโดดเมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ลดลงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ส่งผลจาก 1) รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบจากปีก่อนและเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนในทุก segment , 2) GPM เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อนแต่ ทรงตัวเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จากต้นทุนวัตถุดิบที่ทรงตัวเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน โดยเฉพาะเศษแก้วและน้ำตาล และ 3) ตั้งสำรอง Employee Benefit อยู่ที่ 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 ที่ 3,395 ล้านบาท (โต 13% เมื่อเทียบจากปีก่อน) แต่ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ขึ้น 3.3% เพื่อสะท้อนผล Cost cutting program ที่มีประสิทธิภาพ โดยจะเริ่มรับรู้ผลของ Fit Fast Firm เต็มปีในปี 2562 ที่ 3,963 ล้านบาท (โต 16.7% เมื่อเทียบจากปีก่อน)