เปิด 9 หุ้นตัวท็อปปัจจัยพื้นฐานเด่น-ราคา Laggard เตรียมรับเม็ดเงินต่างชาติ

 “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบทวิเคราะห์ที่ทำการรวบรวมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่คาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นจากประเด็นเม็ดเงินต่างชาติที่คาดว่าจะไหลเข้าสู่หุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง

โดยกลุ่มที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามีทั้งหมดสูงสุด 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี, กลุ่มการค้าพานิชย์, และกลุ่มอาหาร ซึ่งหุ้นที่เป็นเป้าหมายที่ผ่านมา อาทิ ADVANC, AOT, CPALL, BEM, HMPRO, BDMS, INTUCH, CPF, PTTEP, และ TISCO

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองว่าภายหลัง MSCI Rebalance วันที่ 28 พ.ค.  ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 1632 จุด สู่ระดับ 1723 จุด ในปัจจุบัน สอดคล้องกับมุมมองเชิงกลยุทธ์ ในช่วงก่อนหน้าที่ประเมินกระแสเงินจะไหลเข้าหุ้นไทย เป็นตัวแปรหลักหนุนดัชนี ค่อยๆขึ้นทดสอบ 1800-1850 จุด จากปัจจัยหนุนดังนี้

1) นโยบายการเงินผ่อนคลายของ FED และ ECB หนุนสภาพคล่องจะทําให้ตลาดให้น้ำหนักต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น

2) นโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะส่งผลบวกต่อกลุ่มประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะ หากการเจรจาการค้าสิ้นสุดลงในไตรมาส 3/62 หลังสหรัฐฯใช้ภาษีการค้ากับจีน 3 แสนล้านเหรียญฯ น่าจะเห็นความต่อเนื่อง

3) ตลาดเอเชียและไทย มัก Outperform ช่วงที่ FED เริ่มลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้ง โดย SET มักขยับขึ้น 13.1%-22.3% น่าจะทําให้ SET มีโอกาสทําจุดสูงสุดใหม่ได้ช่วงครึ่งปีแรกของปี 63

4) ทีมบริหารประเทศที่ได้มาจากระบบรัฐสภา หนุนความเชื่อมันจากต่างชาติ ล่าสุดค่าประกัน ความเสี่ยง (CDS) 5 ปีของไทย ลดลงต่อเนื่อง และเป็นระดับต่ำสุดตังแต่ปี 2549-2550 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่ S&P เครดิต ได้ปรับ เครดิตไทยขึ้นดังนั้นมีโอกาสที่เราจะเห็น S&P หรือ Moody’s พิจารณาปรับเพิ่มเครดิต ไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 62-ครึ่งปีแรกของปี 63

5) การ Rebalance ของ MSCI รอบล่าสุด ที่มีการปรับเพิ่มน้ำหนักของตลาดหุ้นไทย  พ.ค.  ทําให้การเข้ามาของเงิน Passive Fund ที่ลงทุนตาม MSCI วันนั้นกว่า 1 แสนล้านบาท ช่วยซับแรงขายของนักลงทุนต่างชาติระยะยาวที่ต้องการขายหุ้นไทย จนทําให้เกิดภาพ Under-Owned ของต่างชาติอย่างแท้จริง

โดยพิจารณาจากวันที่ 29 พ.ค.  -ปัจจุบัน พบว่า เม็ดเงินจาก Active Funds ต่างชาติ ไหลเข้า ตลาดหุ้นไทยกว่า 7 หมื่นล้านบาท เราจึงจัดทําบทวิเคราะห์กลยุทธ์ Sign of Fund Inflows เพื่อเฟ้น หากลุ่มอุตสาหกรรม/หุ้นที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ และจัดสรรเงินลงทุนเข้ามามากมี ปัจจัยพื้นฐานเด่น แต่ราคายัง Laggard และมี Upside Risk

ทั้งนี้ กระแสเงินไหลเข้ากลุ่ม ICT, COMM, FOOD สูงสุด ขณะที่กลุ่มที่เผชิญแรงขายต่างชาติ คือ PETRO, HEALTH, TOURISM เราศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นรายกลุ่มจากการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ถือครองต่างชาติ (FHolding) และรวมยอดซื้อ/ขายผ่าน NVDR ในช่วงวันที่ 29 พ.ค. -ปัจจุบัน พบว่า กลุ่มที่นักลงทุน ต่างชาติซื้อสูงสุดคือ ICT ซื้อสะสมกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท (ภาพอุตสาหกรรมลดการแข็งขันด้านราคา การประมูล G ไม่น่าจะรุนแรงเท่า G และทิศทางปันผลของกลุ่มสูงเหมาะกับวงจรดอกเบี้ยขาลง โดยต่างชาติซื้อหลักๆ คือ ADVANC, INTUCH, DTAC) รองลงมาเป็น COMM ซื้อสะสมกว่า 9.2 พันลบ. (สัญญาณกําลังซื้อภายในฟื้นตัว ตัวรับนโยบายรัฐฯ นําโดย CPALL, HMPRO) , FOOD ซื้อสะสมกว่า 7.3พัน ลบ. (CPF วงจรราคาสัตว์ขึ้นหนุน, TU, MINT เข้าสู่จุดการเติบโตทังธุรกิจอาหารและโรงแรม) , TRANS ซื้อสะสมกว่า 5.8พั นลบ.(AOT, BEM), PROP ซื้อสะสมกว่า  3.9 พันลบ. (WHA, SPALI, PSH, CPN) และกลุ่มอิงการ ลงทุน ซื้อสะสมกว่า 6 พันล้านบาท (SCC, STEC, STPI, TOA) ขณะที่กลุ่มที่เผชิญกับ Fund Outflows มากที่สุด คือ PETRO ( – 1.5 พันลบ.), HELTH (-978 ลบ.), TOURISM (-401 ลบ.), FASHION (-279 ลบ.), STEEL(-179 ลบ.) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปัจจัยลบกดดันในระยะสั้น

ด้าน หุ้นรายตัวที่มีเม็ดเงินไหลเข้ามากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่อยู่ใน MSCI Global Standard หุ้น Top25 ที่เป็นเป้าของนักลงทุนต่างชาติในรอบนี้ ทั้งที่ซื้อขายผ่าน Foreign และ NVDR  กว่า 20 ตัวเป็นหุ้นที่อยู่ MSCI Standard ทั้งหมด อาทิ ADVANC, AOT, CPALL, BEM, HMPRO, BDMS, INTUCH, CPF, PTTEP, TISCO ส่วนหุ้นที่เผชิญ Outflows ได้แก่ GLOW, RAM, SCB, BTS, LH, PTTGC, BBL, BFIT, PRM,CK

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ประเมิน Fund Flows จะยังคงไหลเข้าไทย ต่อเนื่องจากการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายของธนาคารกลางโลก ทั้ง FED ECB และ BOE ผสานแรงหนุนในประเทศจากความชัดเจนการเมืองไทย หลังมีการจัดตังรัฐบาลได้สําเร็จ และ เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวจากภายใน รวมถึงโอกาสทีไทยจะถูกปรับ Rating ขึ้น จึงแนะสะสมหุ้นที่เป็นเป้าหมายของ Fund Flows และมีปัจจัยพื้นฐานเด่น มี Upside หรือกลุ่มที่ราคาหุ้นยังคง Laggard เลือก ADVANC, AOT, CPALL, HMPRO, CPF, WHA, MTC, KBANK, STEC เป็น Top Picks