ไอพีโอน้องใหม่ KUMWEL ลงสนามเทรดวันแรก ลุ้นราคาวิ่งแตะ 1.4 บ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (1 ส.ค.) หุ้นบริษัท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KUMWEL เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าอุตสาหกรรม โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และหุ้นชำระแล้ว 430 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 215 ล้านบาท โดยบริษัทเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1.10 บาท

โดย นายบุญศักดิ์ เกียรติจรูญเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KUMWEL เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ออกอากาศผ่านช่องทางข่าวหุ้นทีวีออนไลน์ และสถานีวิทยุกระจายเสียงกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) FM 102 MHz. ว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ระบบต่อลงดิน ระบบป้องการฟ้าผ่า ระบบป้องกันเสิร์จ และระบบตรวจจับแจ้งเตือนฟ้าผ่า

“บริษัทป็นผู้ผลิตระบบต่างๆ เกี่ยวกับความปลอดภัย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวท่าน ซึ่งหลังจากที่เราเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว เราพร้อมที่จะพัฒนาต่อไป เพื่อตอบโจทย์ทุกภาคส่วน และพยายามที่จะตอบโจทย์ภาคสังคม เพื่อทำให้สังคมปลอดภัย และเป็นสังคมที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น” นายบุญศักดิ์ กล่าว

ด้าน นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า KUMWELL ถือเป็นบริษัทเกี่ยวกับอุปกรณ์ลงดินและอุปกรณ์ป้องกันฟ้าผ่าบริษัทแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai และจากการเดินทางนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุน (โร้ดโชว์) กว่า 13 จังหวัด พบว่ามีนักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ จุดเด่นของ KUMWELL คือมีสินค้าเป็นที่ยอมรับตามแบบสากล มีหนี้สินต่อทุนค่อนข้างต่ำ และเป็นธุรกิจ SME ที่มีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต ขานรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่ผลักดันให้มีความมั่นคงปลอดภัยในทุกมิติ

สำหรับเงินระดมทุนจากการขาย IPO จำนวน 143 ล้านบาท จะนำไปก่อสร้างโรงงานสำหรับผลิตในกลุ่มระบบต่อลงดิน รวมถึงนำไปปรับปรุงอาคารเดิมที่มีอยู่แล้วในจังหวัดนนทบุรี รวมถึงนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท ซึ่งจะเป็นการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ

ส่วน บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินราคาเหมาะสมของ KUMWEL ที่ 1.40 บาท/หุ้น โดย KUMWEL เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับต่อลงดินเพื่อป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าซึ่งปัจจุบันยังมามีกฎหมายบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ส่งผลให้ธุรกิจมีจำนวนคู่แข่งน้อยราย

ทั้งนี้สินค้าของบริษัทได้อ้างอิงมาตรฐานรองรับจากสถาบันหลากหลายประเทศในสหรัฐฯ เยอรมนี เนอเธอแลนด์ และเกาหลีใต้ ส่งผลให้สินค้าได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง และสามารถรักษายอดขายได้ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งหากพิจารณาในอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าที่มีสัดส่วนรายได้ในปี 2561 ราว 27% ของรายได้รวม คาดจะสามารถเติบโตได้ตามแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2560 ที่มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นราว 2.8% ต่อปี

รวมถึงอุตสาหกรรมการก่อร้างที่มีสัดส่วนรายได้ในปี 2561 ราว 29% โดยคาดจะเติบโตตามการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่คาดจะเติบโตราว 8-12% และการลงทุนของภาคเอกชนที่คาดว่าจะเติบโตราว 3-5% นอกจากนี้บริษัทยังสามารส่งสินค้าไปขายยังต่างประเทศได้มีสัดส่วน 22% ช่วยหนุนการเติบโตในอนาคต

ทั้งนี้คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2562 พลิกเติบโต 62% คาดยอดขายจะเติบโตราว 12% เป็น 518 ล้านบาท เนื่องจากฐานรายได้ที่เติบโตผลให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายคงที่ลดลงจากปีก่อนหน้านี้