เคาะ 16 หุ้นเด่น 8 กลุ่มอุตสาหกรรมโบรกฯฟันธงไตรมาส 2 กำไรโต-ครึ่งปีหลังดีต่อเนื่อง!

เคาะ 16 หุ้นเด่น 8 กลุ่มอุตสาหกรรมโบรกฯฟันธงไตรมาส 2 กำไรโต-ครึ่งปีหลังดีต่อเนื่อง!


ช่วงนี้บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ทยอยประกาศงบไตรมาส 2/62 ดังนั้นเพื่อเป็นแนวทางสำหรับการลงทุนในช่วงประกาศงบฯทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจ 8 กลุ่มหุ้นเด่นที่คาดว่ากำไรไตรมาส 2/62 และแนวโน้มกำไรครึ่งหลังของปีจะออกมาดีต่อเนื่อง โดยอาศัยบทวิเคราะห์บล.กสิกรไทยซึ่งระบุไว้ดังนี้

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ชี้นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับภาพรวมกำไรของตลาดหุ้นไทยจากแรงต้านด้านเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจประจำไตรมาส 2/2562 (GDP) ที่กำลังจะประกาศในวันที่ 19 ส.ค. 2562 นี้น่าจะออกมาต่ำกว่า 3%

ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินกำไรไตรมาส 2/62 โดยรวมของตลาดหุ้นไทยลดลง 13.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 15.7% เทียบไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนทิศทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมทั้งประเด็นการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อของธปท.ผ่านมาตรการ LTV และการตั้งสำรองผลประโยชน์การเกษียณพนักงาน โดยกลยุทธ์การลงทุน มองให้เน้นลงทุนใน 8 กลุ่มหุ้นเด่นที่คาดว่ากำไรไตรมาส 2/62 และแนวโน้มกำไรครึ่งหลังของปีจะออกมาดี

ด้านภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แม้กำไรไตรมาส 2/62 ในภาพรวมจะปรับตัวลดลง แต่ยังมีอีกหลายอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 เติบโตโดดเด่น และธุรกิจมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี 2562 ได้แก่ :

กลุ่มพาณิชย์ (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 เติบโต 7.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่เติบโตขึ้นและได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในครึ่งปีหลัง

กลุ่มการเงิน (คาดกำไรสุทธิ ไตรมาส 2/62 เติบโต 14% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากการเติบโตของสินเชื่อ และต้นทุนการเงินที่ลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง

กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (คาดกำไรสุทธิ ไตรมาส 2/62 เติบโต 347% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากยอดขายที่ดินที่สูงขึ้น รวมถึงรายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น

กลุ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (คาดกำไรสุทธิ ไตรมาส 2/62 เติบโต 57% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากการ IPO ของ TFFIF ในเดือน ต.ค. 2561 และรายได้รวมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

กลุ่มผลิตไฟฟ้า (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 เติบโต 199% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ได้แรงหนุนจากการขยายกำลังการผลิตในประเทศไทย เวียดนาม และญี่ปุ่น ส่วนต่างราคาพลังงานที่กว้างขึ้น จากต้นทุนพลังงานที่ปรับลดลงและเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน

 

ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนนั้น แนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มที่คาดว่ากำไรไตรมาส 2/62 และแนวโน้มกำไรโน้มครึ่งหลังของปี 2019 จะออกมาดีต่อเนื่องดังนี้

กลุ่มพาณิชย์ (CPALL และ COM7) ซึ่งจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากรายได้ในครัวเรือนที่สูงขึ้นซึ่งจะกลายมาเป็น SSSG ที่สูงขึ้น

กลุ่มสื่อสาร (TRUE, DTAC, INTUCH, ADVANC และ JAS) ปัจจัยจากทิศทางการเติบโตของรายได้ตลาดมือถือ อีกทั้งการแข่งขันที่ลดลงและค่าใช้จ่ายที่ลดลง

กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (AMATA) เนื่องจากจะได้ประโยชน์มากที่สุดจาก FDI ที่สูงขึ้นภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ และจากการย้ายฐานการผลิตมาจากจีน

กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (TFFIF และ JASIF) จากเงินปันผลที่น่าจูงใจ

กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (CPF) จากราคาเนื้อสุกรที่แข็งแกร่งในครึ่งหลังของปี 2562 หลังจากมีการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือโรค AFS ในเวียดนาม

กลุ่มท่องเที่ยว (AOT และ MINT) จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในครึ่งหลังปี 62

กลุ่มขนส่งทางราง (BTS และ BEM) จะได้ประโยชน์จากการประมูลโครงการภาครัฐภายใต้รัฐบาลชุดใหม่

กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS) จากภาพรวมกำไรครึ่งหลังปี 2562 ที่ดีขึ้น” ภาสกร กล่าว

 

ในขณะเดียวกันกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรสุทธิไตรมาส 2/62 ไม่โดดเด่น แต่กำไรปกติยังโตดี และคาดครึ่งหลังของปี 2562 จะเติบโตเด่น ได้แก่ :

กลุ่มเกษตรและอาหาร (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 ลดลง 18% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากอัตรากำไรที่ดีขึ้นตามทิศทางราคาขายที่สูงขึ้น หรือต้นทุนลดลง และการส่งออกขยายตัวจากการเจาะตลาดใหม่ๆ

กลุ่มสื่อสาร (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 ลดลง 40% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) หากหักรายการพิเศษจากการขายสินทรัพย์ของ TRUE ปีก่อน คาดกำไรจะเติบโต 9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ใน ไตรมาส2/62 กำไรที่เติบโตดีได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการเติบโตรายได้จากการบริการมือถือ และการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพทั่วทั้งอุตสาหกรรม

กลุ่มโรงพยาบาล (คาดกำไรสุทธิไตรมาส  2/62 เติบโต 3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ได้แรงหนุนจากการแพร่กระจายของโรคระบาดใน ไตรมาส 2/62 ขณะที่ภาพรวมครึ่งหลังของปีดีขึ้นจากอัตรากำไรที่มากขึ้น

กลุ่มขนส่ง (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 เติบโต 8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสาร, จำนวนนักท่องเที่ยว และส่วนต่อขยายสายต่างๆ

 

ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรสุทธิไตรมาส 2/62 ทรงๆ หรือลดลงมาก และแนวโน้มครึ่งหลังของปี 2019 มีแนวโน้มอ่อนแอ ได้แก่ :

กลุ่มปิโตรเคมี (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 ลดลง 70% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่เป็นขาลง รวมถึงการขาดทุนจากสต๊อก และอุปสงค์ที่ชะลอตัวจากสงครามการค้า

กลุ่มพลังงาน (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 ลดลง 8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ราคาน้ำมันและค่าการกลั่นได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน

กลุ่มธนาคาร (รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 เพิ่มขึ้น 2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ชะลอตัวตามเศรษฐกิจในประเทศ และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง

กลุ่มอสังหาฯ (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 ลดลง 36% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) กำไรอ่อนแอเพราะอุปสงค์ที่อ่อนแอในกลุ่มคอนโดฯ และคุณภาพเครดิตของกลุ่มผู้ซื้อบ้านที่ลดลง หลังจากมีการบังคับใช้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV)

 

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button