โบรกฯ คัด 2 หุ้นท่องเที่ยวอัพไซด์เกิน 13% มองรายได้โตรับมาตรการกระตุ้นศก.
โบรกฯ คัด 2 หุ้นท่องเที่ยวอัพไซด์เกิน 13% มองรายได้โตรับมาตรการกระตุ้นศก.
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจรวบรวมบทวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว เพื่อเป็นแนวทางในการเข้าลงทุน หลังจากที่มีการปรับลดคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวลงมาอยู่ที่ระดับ 39-39.8 ล้านคน
โดย บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ โดยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยว หลังจากกระทรวงท่องเที่ยวปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 62F ลงมาอยู่ที่ 39-39.8 ล้านคน จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 40.2 ล้านคน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ประกอบกับค่าเงินบาทแข็งค่า
ด้าน ครม.เมื่อ 20 ส.ค.62 ไม่อนุมัติมาตรการฟรีวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดียและจีน และการขยายเวลาเปิดให้บริการสถานบันเทิงถึงตี 4 ในการประชุมเมื่อ 20 ส.ค.62
อย่างไรก็ตาม รมว. ท่องเที่ยวกำลังทบทวนและพิจารณามาตรการกระตุ้นใหม่ คาดจะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ แล้วจะเสนอให้ครม.พิจารณาอีกครั้ง
ทั้งนี้ เชิงกลยุทธ์ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้จะขยายตัวจำกัดเพราะเศรษฐกิจโลกซบเซา ส่วนท่องเที่ยวของคนไทยก็แผ่วลง แต่มีโอกาสกระเตื้องขึ้นจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลที่ให้เงินผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไปมาลงทะเบียนรับเงิน 1,000 บาท/คนเพื่อท่องเที่ยวในประเทศ และนำเงินค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวมาขอคืนเงินได้ 15% ในวงเงินไม่เกิน 30,000 บาท/คน (ขอคืนเงินได้สูงสุดไม่เกิน 4,500 บาท/คน)
ด้าน ธุรกิจโรงแรมแข่งขันสูงขึ้น ทั้งจากผู้ประกอบการเดิมและผู้ประกอบการรายใหม่ที่เข้ามา รวมถึงโฮสเทล โฮมสเตย์ และแอร์บีเอ็นบี ที่ส่งผลลบต่อโรงแรมระดับกลาง-ล่างมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่ ธุรกิจอาหารถูกกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอตัว และบริการเดลิเวอรี่ที่ครอบคลุมร้านอาหารประเภทต่างๆมากขึ้น ทำให้ธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่ดั้งเดิม เช่น เคเอฟซี, แมคโดนัล, เชสเตอร์, เดอะพิซซ่า, พิซซ่าฮัท ฯลฯ ถูกกระทบและทำให้ยอดขายในสาขาเดิมของหลายแบรนด์ลดลง
ทั้งนี้ ให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มท่องเที่ยวเป็น Neutral หุ้นเด่นเป็น AOT และ MINT โดยมี Theme ในการลงทุนสรุปได้ดังนี้
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT (ราคาพื้นฐาน 80 บาท) : บริษัทมีรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่การบิน (43% ของรายได้รวม) ขยายตัวดี โดยในปี 63 จะมีรายได้จากธุรกิจใหม่ คือ ศูนย์ตรวจสอบสินค้าเกษตรก่อนส่งออก, เมืองการบิน เป็นต้น และในปี 64 รายได้ค่าเช่าจากดิวตี้ฟรีตามสัญญาใหม่กับคิงเพาเวอร์จะเพิ่มขึ้น 1.5 หมื่นล้านบาท
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT (ราคาพื้นฐาน 46 บาท) : บริษัทมีช่องทางที่จะเพิ่มกำไรด้วยการลดดอกเบี้ยจ่าย และมีบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์ ด้วยการขายโรงแรมในต่างประเทศออกไปแล้วเช่ากลับมาบริหาร และนำเงินที่ได้จากการขายไปชำระคืนหนี้เพื่อลดดอกเบี้ยจ่าย ซึ่งในครึ่งปีหลังของปี 62 มีการดำเนินการรูปแบบนี้กับโรงแรม Tivoli 3 แห่ง และคาดว่าจะทยอยทำอีก
ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค สำหรับ AOT แนะนำซื้อเมื่อราคาหุ้นยืนเหนือ 70 บาทได้ โดยมีแนวต้านระยะสั้น 72-73, 75 บาท การอ่อนตัวต่ำกว่า 70 บาท ให้รอซื้อเก็งกำไรที่แนวรับ 68-67, 65 บาท
ส่วน MINT เน้นซื้อตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้น พื้นที่แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 40, 42 บาท การอ่อนตัวต่ำกว่า 37.50 บาทให้ลดพอร์ตตาม/Stop loss เพราะมีโอกาสลงไปยังแนวเด้ง 36, 34-32 บาท
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น AOT ปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 7.25 บาท คิดเป็นอัพไซด์ 13.88% จากราคาเป้าหมาย 80 บาทของบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส
ขณะที่ราคาหุ้น MINT ปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 38.25 บาท คิดเป็นอัพไซด์ 20.26% จากราคาเป้าหมาย 46 บาทของบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส