โบรกฯยก SABINA หุ้นเด่นเดือนก.ย. รับผลดีมาตรการรัฐดันยอดขายพุ่ง
โบรกฯยก SABINA หุ้นเด่นเดือนก.ย. รับผลดีมาตรการรัฐดันยอดขายพุ่ง
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้น บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA หลังราคาหุ้นปิดตลาดวานนี้ (2 ก.ย.) ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงมาอยู่ที่ระดับ 32 บาท บวก 2.50 บาท หรือ 8.47% มูลค่าซื้อขาย 239.83 ล้านบาท ทั้งนี้ยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 40 บาท อยู่ 20%
โดยพบว่า นักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินราคาเป้าหมาย SABINA ที่ 40 บาท โดยมองว่าเป็นบริษัทที่มีความครบเครื่องทั้งคุณภาพสินค้า, แบรนด์, การตลาดและช่องทางจำหน่าย และยังอยู่ในจุดที่เก็บเกี่ยวประโยชน์จากการมี Product champions ประกอบกับ แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/62-ไตรมาส 4/62 จะยังคงเติบโตได้ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ติดต่อกัน จากทั้งฝั่งรายได้และอัตรากำไรยังโดดเด่น หนุนภาพทั้งปีคาดกำไรเพิ่มขึ้น19% ทำ new high ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9
ทั้งนี้ราคาเริ่ม Outperform หลัง Laggard มานาน และซื้อขาย PER20F 21x ยังเหมาะสม จากแนวโน้มผลประกอบการโตสูงและยังเพิ่ม Market share ได้ต่อเนื่อง สำหรับการขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 26 ส.ค.2562 ปันผล 0.57 บาทต่อหุ้นหรือสูงถึง 1.8% ประกอบกับเป็นหุ้นที่ลงทุนเติบโตไปกับ E Commerce และระยะสั้นประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า (เป็น Net import 5% ของยอดขาย)
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 37 บาท/หุ้น และมองว่าเป็นหุ้นเด่นในเดือนก.ย.2562 จากศักยภาพการเติบโตในตลาด ผลประกอบการครึ่งปีแรกของ SABINA ทำได้ดีด้วยการเติบโต 14% เมื่อเทียบจากปีก่อน และคาดจะเห็นการเติบโอย่างต่อเนื่องในครึ่งปี
โดยคาดผลประกอบการเติบโตในช่วงเวลาที่เหลือของปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากช่องทางการขายผ่าน NSR และคาดจะดีต่อไปยังช่วงครึ่งปีหลังเช่นกัน จาก 1) การเพิ่มสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน ก.พ. เปิดตัว Seamless Fit ที่ได้รับความนิยม และในครึ่งปีหลังนี้จะเพิ่มสินค้ากลุ่ม SML เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น 2) คาดช่องทางสาขาเติบโตปีละ 5% โดยคัดเลือกทำเลมากขึ้น แต่จะเน้นการขายผ่านช่องทาง NSR ซึ่งคาดเติบโตปีละ 20% 3) GPM ยังขยายตัวได้มาอยู่ที่ 54.3-54.5% ในปี 2562-2563 ตามการเพิ่มสัดส่วนการจ้างผลิตที่คาดปีนี้อยู่ที่ 33% ซึ่งอัตรากำไรสูงกว่าบริษัทผลิตเอง
นอกจากนี้ บริษัทมีการพัฒนาการผลิต ทั้งการผลิต Mold เองและสินค้ารุ่นใหม่ Seamless Fit ที่ช่วยลดขั้นตอนการผลิต ในขณะที่ค่าใช้จ่ายการขายและบริหารคาดยังสามารถควบคุมไว้ที่ 39% ผลจากการไม่เน้นขยายสาขาและต้นทุนการตลาดที่เพียง 3-5% ของยอดขาย
อีกทั้งคาดคาดผลประกอบการเติบโต 12% ต่อปี (ปี 2562 – 2565) จากศักยภาพการเติบโตจาก 1) ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งสาขา ช่องทางที่มิใช่สาขา (Non-Store Retailing) ที่คาดเติบโต 30% ต่อปี และโอกาสการเติบโตในต่างประเทศ 2) แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจากเพิ่มจ้างผลิตและนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยลดต้นทุนการผลิต และ 3) ด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผล 100% และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 4% ต่อปี