SET สัปดาห์นี้ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1695-1704 จุด ชู CPF, AMATA, JMART หุ้นเด่น
SET สัปดาห์นี้ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1695-1704 จุด ชู CPF, AMATA, JMART หุ้นเด่น
Weekly outlook: “ขึ้น” ต้าน 1695/1704 จุด รับ 1664/1650จุด
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์นี้ (9-13 ก.ย.62) ประเด็นสำคัญที่มีผลต่อตลาดสินทรัพ์เสี่ยงในสัปดาห์นี้คือการประชุม ECB 12 ก.ย. ซึ่ง Nomura ให้น้ำหนักที่ ECB จะปล่อยมาตรการผ่อนคลายชุดใหญ่ ผ่านการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 10 bps ทำให้ Deposit facility rate อยู่ที่ -0.5% และจะทำโครงการซื้อสินทรัพย์ (Asset purchase program : APP) เดือนละ €30 bn จนถึงสิ้นปี 2020 โดยมีสาเหตุมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน โดยเฉพาะเยอรมนี ส่งผลให้Nomura ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2019-20 ลงสู่ 1.1% และ 1.2% จาก 1.2% และ 1.4% ตามลำดับ
ทั้้งนี้หากดูที่แนวโน้มดอกเบี้ยจะพบว่าตลาดตอบรับกับการปรับลดดอกเบี้ยถึง 15bps สู่ -0.55% ดังนั้นหากเป็นไปตามคาดการณ์ของ Nomura อาจจะ ทำให้เกิดภาพของการผิดหวัง เนื่องจาก Dovish น้อยกว่าคาดได้ แต่อย่างไรก็ดียังคงประเมินสภาพคล่องในตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นนี้จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลกใน ฟื้นตัวได้
นอกจากนี้ปัจจัยภายนอกอื่นๆที่เป็นตัวกดดัน Sentiment ตลาดมาโดยตลาด นั้นมีสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างมีนัยไม่ว่าจะเป็น 1)ความเสี่ยงสงครามการค้าผ่อนคลายลงหลังสตีเวน มนูชิน รมว.คลัง และนาย Liu He รองนายกฯจีน เตรียมที่จะเจรจากันในช่วง ต้นเดือนต.ค.
ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับกลางจะเจรจากันกลางเดือนก.ย.นี้ 2)ร่างกฏหมายป้องกัน Hard Brexit ได้รับการอนุมัติแล้ว ซึ่งจะเป็นการบังคับให้นายกฯต้องเจรจากับ EU เพื่อขยายเส้นตาย Brexit ออกไปเป็น 31 ม.ค. จากเดิม 31 ต.ค. ลดความเสี่ยง Hard Brexit ได้ 3)นางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกงได้ประกาศถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศจีนอย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้สถานการณ์ ความวุ่นวายในฮ่องกงดีขึ้นทำให้เกิดภาพ Global Risk On หนุนสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นเด่น
ส่วนปัจจัยภายใน Moody’s เสร็จสิ้นการประเมินมุมมองของไทยที่ปรับเป็น Positive แล้ว โดยเน้นย้ำเชิงบวกถึงสถานะการคลังที่มั่นคง และพัฒนากการของภาคธุรกิจทั้งท่องเที่ยว เกษตรอาหาร และส่งออกชิ้นส่วนฯ-ยานยนต์ ทำให้มีโอกาสที่จะได้เห็นการ ปรับขึ้น Credit Rating ในช่วงถัดไป(คาดต้น ต.ค. หรือ ปลาย พ.ย. 2019 โดย Moody Upgrade ล่าไทยสุด 26 พ.ย. 2003 ตลาดหุ้นไทยขึ้นจากเดือน ก.ย. 2003 -วัน Upgrade 16%
ส่วนรอบ S&P Upgrade มุมมองไทย 31 ต.ค. 2006 ตลาดขึ้น 2 เดือน 4%) ล่าสุด Thai CDS 5Yr Update ค่าประกันความเสี่ยงไทย ทำจุดต่ำสุดใหม่ของปีที่ 32.07จุด
กลยุทธ์การลงทุน: Global Risk On หนุน กลุ่ม Big Cap ถูกซื้อกลับ(Cover Short) BANK, ENERGY รับ US Yield ดีดขึ้น + ความเสี่ยงต่อ US Recession ลดลง ผสาน Theme หลักกลุ่มที่ได้อานิสงค์บวกจากดอกเบี้ยขาลง ได้แก่ 1) Consumer Finance:SAWAD, AMANAH, JMART 2) High Yield: ADVANC, INTUCH, KKP 3) Property:AP, SPALI 4) ส่งออกอาหาร : CPF 5) ท่องเที่ยว MINT, AOT, ERW 6) นิคม AMATA,WHA 7) โรงไฟฟ้า เน้นตัวที่ FTSE เพิ่มน ้าหนัก BGRIM 8) การบริโภค CPALL, KAMART,ICHI, ZEN
หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ : แนะนำ CPF, AMATA, JMART ส่วนสัปดาห์ก่อน CPF, AMATA,WHA ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 0.03% แย่กว่าดัชนีฯที่ให้ผลตอบแทน 0.91%
AMATA(Trade) : EEC กำลังเด่นรับ การย้านฐานการผลิต
JMART(TP15.30) : ราคาหุ้น Laggard กลุ่ม Consumer Fin. + เก็งงบ 3Q19 เด่น
CPF(TP32) : ราคาหมูจีนจะขึ้นต่อ และทำจุดสูงสุดกลางปี 2020 หนุนกำไร 19-20F