เคาะ 6 หุ้นตัวท็อป! รับอานิสงส์ตัวเลขนักท่องเที่ยว 8 เดือนสดใส
เคาะ 6 หุ้นตัวท็อป! รับอานิสงส์ตัวเลขนักท่องเที่ยว 8 เดือนสดใส
วานนี้(10 ก.ย.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวม.ค.-ส.ค.62 อยู่ที่ 26.50 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.61% ดังนั้นทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากตัวเลขนักท่องเที่ยวฟื้นตัวมานำเสนอ
โดยวานนี้น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวม.ค.-ส.ค.62 อยู่ที่ 26.50 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.61% ขณะที่รายได้อยู่ที่ 1.299 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.04%
นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวไทย 5 อันดับแรก คือ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลี ลาว และนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวในอนาคตคือ อินเดีย โปแลนด์ ไต้หวัน และลาว ส่วนภูมิภาคยุโรป ยังคงติดลบอยู่
ส่วนไทยเที่ยวไทย มีนักท่องเที่ยว 103.53 ล้านคน ขยายตัว 1.29% โดยจังหวัดที่ขยายตัว คือ สกลนคร ลพบุรี และปัตตานี รวมรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งต่างชาติเที่ยวไทยและไทยเที่ยวไทยอยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท คิดเป็นเติบโต 3.27% จากปีก่อน
นอกจากหุ้นท่องเที่ยวจะได้ประโยชน์จากตัวเลขนักท่องเที่ยวฟื้นตัวแล้ว ในส่วนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐก็ยังได้รับผลดีต่อกลุ่มกลุ่มการบริโภคและท่องเที่ยวด้วยอาทิ BJC,AOT, ERW,MINT,SPA
โดยขณะนี้รอลุ้นครม.อนุมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติม ได้แก่ 1)การเพิ่มวันหยุดให้แก่ข้าราชการจำนวน 2 วัน ในเดือนต.ค.โดยไม่ต้องลา และ 2) การเพิ่มร้านขายสินค้าในโครงการ”ชิม ช็อป ใช้” อาทิ ร้านขายของที่ระลึก สปา ร้านขายอัญมณี ดังนั้นช่วงนี้หุ้น AOT ERW MINT CENTEL,SPA และ BJC ก็น่าจะเป็นหุ้นเด่นในการเข้าลงทุนอีกครั้ง
บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า AOT (AWS TP Bt 84) คุณนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT มองว่ากรณีโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ตเปิดให้บริการ ไม่กระทบรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบิน (Non Aero) เนื่องจากการการเปิดประมูลงานดิวตี้ฟรี และพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสุวรรณภูมิล่าสุด อยู่ในรูปแบบข้อเสนอ Minimum Guarantee ที่ AOT มีรายได้ประมาณ 2.3 หมื่นล้านต่อปี
ความเห็น: เราตื่นเต้นกับประเด็นข่าวที่เกี่ยวกับการเปิดประมูล Pick-up Counter กับพื้นที่ดิวตี้ฟรีภายในสนามบินดอนเมือง โดยผู้บริหารกำหนดช่วงเวลาเป็นปลายปี 2562 ซึ่งถือว่าเร็วกว่าที่คาด ขณะที่กรณีโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ตเปิดให้บริการ มุมมองของผู้บริหาร สอดคล้องกับความเห็นของเราก่อนหน้านี้ โดยผู้รับความเสี่ยงจากกรณีดังกล่าวคือ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด และบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ผู้รับสัมปทาน
ขณะที่มองว่าปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจดิวตี้ฟรี มีการแข่งขันที่รุนแรง ซึ่งจะเห็นได้จากการจำนวนร้านดิวตี้ฟรีที่เพิ่มขึ้น และไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในสนามบินสุวรรณภูมิเท่านั้น ทำให้เราไม่มีแผนในการทบทวนประมาณการผลประกอบการ แนะนำซื้อ
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW จะมีอัตราการเติบโต CAGR ในปี 2020-2021 อยู่ที่ 20% ต่อปี โดยมีแรงผลักดันจากการขยายของจำนวนห้องพักในโรงแรม การรีบาวน์ของ RevPar ซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว และการปรับกลยุทธ์สินทรัพย์ รวมถึงกำไรที่มาจากการประหยัดต่อขนาด หรือ economies of scale ระหว่างไทย และฟิลิปปินส์จึงแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 7.20 บาท
บล.กรุงศรี บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT มีพอร์ตสินทรัพย์ในธุรกิจบริการที่กระจายตัวไปทั่วทั้งใน APAC, ยุโรป, อาฟริกา และอเมริกาใต้ คาดว่า MINT จะสามารถตอบสนองต่ออุปสงค์ของการท่องเที่ยว และการบริโภคปลายน้ำ (กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม) ที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนชนชั้นกลางที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ กำไรที่เพิ่มขึ้นจาก NH Hotel รวมถึงโมเมนตั้มที่แข็งแกร่งของกิจการโรงแรมในต่างประเทศ และการฟื้นตัวของโรงแรม UPC ในประเทศไทย และ Food-Hub ในประเทศไทยจะช่วยหนุนให้กำไรโตได้ปีละ 13% CAGR ในช่วงปี FY19-21F แนะนำให้ซื้อ MINT และให้ราคาเป้าหมายที่ 47 บาท ซึ่งประเมินโดยวิธี DCF (ใช้ WACC ที่ 6.9%)
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ “ซื้อ” SPA ราคาเป้าหมาย 16.20 บาท/หุ้น มองผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 62 ของ SPA เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนเป็น 106 ล้านบาท เพิ่มขึ้นตามนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น 1.5% (แต่จีนลดลง 5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน)
แต่อย่างไรก็ตามมองว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นในครึ่งปีหลังของปี 62 จากฐานที่ต่ำในปีก่อน เนื่องจากเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต และการปิดปรับปรุงของรีสอร์ทระรินจินดา (โต 5% ในเดือน ก.ค. ในขณะที่นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 5%) และเชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ Stretch Me จะเพิ่มขึ้นจากการชะลอการขยายสาขา แนะนำให้ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 16.20 บาท
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 58 บาท เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นศก.กำไรครึ่งปีแรก +23% เทียบช่วงเดียวกันชองปีก่อนคิดเป็น 47% ของประมาณการทั้งปี แนวโน้มกำไร ครึ่งหลังปี 2562 สดใสต่อเพราะจะรับรู้รายได้จากลูกค้าธุรกิจกระป๋องรายใหม่อีก 1 ราย
ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบลดลงโดยเฉพาะราคาเยื่อกระดาษ และยังเป็นช่วงนับ stock ของ Big C ซึ่งมักมีการกลับรายการสต็อก ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น และหุ้นกู้ที่ครบกำหนดเดือนหน้า 2.2 หมื่นลบ. จะถูกชำระคืนและ refinance ทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง
ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน