โบรกฯฟันธง ERW ผลงานครึ่งปีหลังพีคสุด! รับเต็ม “ชิมช้อป ใช้”-ไฮซีซั่น
โบรกฯฟันธง ERW ผลงานครึ่งปีหลังพีคสุด! รับเต็ม "ชิมช้อป ใช้"-ไฮซีซั่น
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้น บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW หลังโครงการ “‘ชิม ช้อป ใช้” กระแสแรงประชาชนแห่ร่วมลงทะเบียนกันอย่างคึกคัก โดยโบรกฯหลากหลายสำนักมองว่า ERW เป็น 1 ในหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว
โดยพบว่า นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น ERW ประเมินราคาเป้าหมาย 7.2 บาท โดย “ชิม ช้อป ใช้” ฮอตฮิตต่อเนื่อง นับเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวโดยเฉพาะโรงแรม ซึ่งบล.กรุงศรี เลือก ERW เป็น Top pick ที่คาดว่าจะได้ผลบวกจากมาตรการนี้มากที่สุดเพราะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมในประเทศคิดเป็น 90% ของรายได้รวม
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ERW ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท/หุ้น คาดกำไรไตรมาส 2/62 ที่ไม่สดใสเป็นจุดต่ำสุดแล้ว แต่กำไรหลักในครึ่งหลังปี 2562 เป็นสัดส่วน 56% จากปีนี้ แม้ปีนี้อัตราการเติบโตกำไรหลักเมื่อเทียบจากปีก่อน ไม่สูงนักเป็น 5% แต่ปี 63 จะสูงเป็น 24% ประเมินราคาพื้นฐานด้วยวิธี DCF ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 28%
ทั้งนี้นโยบายจากภาครัฐสนับสนุน รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ หนึ่งในมาตรการที่เน้นคือ ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ปัจจุบันที่กำลังได้รับความนิยมคือ “ชิม ช้อป ใช้” ที่เปิดให้ลงทะเบียนมาตั้งแต่ 23 ก.ย.25625 จนถึง 15 พ.ย.2562 เป้าหมายคือ มีประชาชนเข้าร่วมถึง 10 ล้านคน มีเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท และผู้ที่ได้สิทธิ์ยังสามารถนำค่าใช้จ่ายจริงจากการเดินทางท่องเที่ยวมาขอคืนเงินได้อีก 15% ของค่าใช้จ่ายไม่เกินวงเงิน 30,000 บาท
ส่วนมาตรการรัฐก่อนหน้านี้ ต่ออายุมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa on Arrival รวมตลาดจีนและอินเดีย จากสิ้นสุด ณ สิ้นเดือน ตุลาคม 2562 เป็นสิ้นสุด ณ สิ้นเดือน เมษายน 2563
ขณะที่ในช่วง 8 เดือนแรกปี 2562 เทียบเมื่อเทียบจากปีก่อน ภาวการณ์ท่องเที่ยวทยอยขยับตัวดีขึ้น ตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค.62 อยู่ที่ 26.50 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.61% สร้างรายได้ราว 1.299 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.04% และกำลังย่างเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวดีที่สุดในไตรมาส 4/62 และไตรมาส 1/63 ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมีการฟื้นตัวดีมาตั้งแต่ ก.ค. และ ส.ค.2562 จากก่อนหน้าที่ลดลง จากสถิติคือมีอัตราการเพิ่มในเดือน ก.ค.62 +4.3% เป็น 1.796 ล้านคน และ ส.ค.62 +17.3% เป็น 1.964 ล้านคน
โดยคาดว่าช่วงเดือนที่เหลือมีโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่อง โดยฐานปีที่แล้วอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ จากอุบัติเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต ต้นเดือน ก.ค.2561 ขณะที่มีนักท่องเที่ยวเปลี่ยนจุดหมายจากฮ่องกงไปประเทศอื่นรวมไทยด้วย สิ่งที่ดีคือ ไทยเป็นปลายทางที่นักท่องเที่ยวต้องการมามากที่สุด ซึ่งคาดปีนี้นักท่องเที่ยวจะได้ตามเป้าคือ 39-39.8 ล้านคน
นอกจากนี้ยังเริ่มเปิดโรงแรมใหม่ในครึ่งหลังปี 2562 ช่วยเพิ่มรายได้ บริษัทมีแผนการเปิดโรงแรมใหม่อีก 9 แห่งในครึ่งหลังปี 2562 เป็น Hop Inn 7 แห่ง Mercure ที่กรุงเทพฯ 1 แห่ง และ Ibis ที่กรุงเทพฯ 1 แห่ง ขณะที่ครึ่งปีแรกปี 2562 ไม่มีการเปิดใหม่เลย จะทำให้จำนวนโรงแรมเพิ่มเป็น 70 แห่ง และมีจำนวนห้องพักทั้งหมด 9,559 ห้อง
อีกทั้งยังเป็นจังหวะดีในการปรับปรุง JW Marriot แล้วเสร็จ รับไฮซีซั่นหลังจากปิดปรับปรุงไปถึง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2560 ก็จะเปิดบริการห้องพักได้ทั้งหมดในเดือน ต.ค.2562 เข้าสู่ฤดูกาลที่ดีที่สุด คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้เป็นกอบเป็นกำ
ด้าน นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ERW ประเมินราคาเป้าหมาย 7.70 บาท/หุ้น จากการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมที่ดีขึ้น จากการปรับปรุงโรงแรม JW Marriott และการท่องเที่ยวของไทยที่ดีขึ้น คาดผลประกอบการจะเพิ่มขึ้น 26.8% และ 19.4% ในปี 2563-2564 หนุนโดยแผนการลงทุน 5 ปีของบริษัทไปยังโรงแรมกลุ่มที่ไม่ใช่ Luxury
ทั้งนี้คาดว่านักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น 3.5% ในปี 2562 แม้ว่าครึ่งปีแรกจะชะลอตัวลงก็ตาม หนุนจากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเพิ่มขึ้น 10% ในช่วง 5 เดือนสุดท้ายของปีจากการฟรีวีซ่า, ฐานที่ต่ำในครึ่งปีหลังปี 2561 และยอดนักท่องเที่ยวของ AOT ที่เพิ่มขึ้น 8.1% ในเดือน ส.ค. และคาดแผนการแจกเงินและคืนเงินสำหรับการใช้จ่ายของภาครัฐจะเป็นปัจจัยบวกเล็กน้อยต่อ ERW
รวมทั้งคาดว่า ERW จะรายงาน RevPar สำหรับปี 2563-2564 ที่ 2.9 – 5.5% หนุนโดยราคาของ JW Marriott และโรงแรมระดับกลางและล่างที่เปิดใหม่ การตกแต่งช่วงสุดท้ายของ JW Marriott จะเสร็จในช่วงไตรมาส 3/62 และทำให้ค่าห้องเพิ่มขึ้น 10 – 15% และเราคาดว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมใหม่ระดับกลางและล่างที่เปิดในปี 2561-2562 จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
สำหรับกลุ่มโรงแรมราคาประหยัดคาด RevPar เพิ่มขึ้น 6.8 – 7.7% สำหรับปี 2562-2563 หนุนโดยค่าห้องที่เพิ่มขึ้น และ ERW มีแผนจะเปิด HOP INN เพิ่มอีก 14 แห่ง เป็น 50 แห่งในปี 2563 ในขณะที่อัตราการเข้าพักจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากความรู้จักแบรนด์ที่เพิ่มขึ้น