เคาะ 9 หุ้นปลอดภัย Upside สูง-ผลงานโตต่อเนื่อง!
เคาะ 9 หุ้นปลอดภัย Upside สูง-ผลงานโตต่อเนื่อง!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบทวิเคราะห์ ที่แนะนำการลงทุนในระยะสัปดาห์ โดยพบว่านักวิเคราะห์มองดัชนีสัปดาห์นี้จะผันผวนในกรอบ 1,580-1,620 จุด โดยยังมีปัจจัยกดดันในเรื่องของผลประกอบการปี 2562 ของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังเป็นตัวกดดัน
โดยแนะนำให้ลงทุนหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว และงานภาครัฐ ขณะที่เน้นลงทุนในหุ้นปลอดภัยที่มีอัตราจ่ายปันผลสูง และกลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองว่า SET Index สัปดาห์นี้ ผันผวนในกรอบ 1,580-1,620 จุด โดยมีแรงกดดันหลักจากการปรับลดประมาณการกำไรในปี 62-63 ของบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการช่วงไตรมาส 3/62 ออกมาไม่ดี ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังคงรอความชัดเจนจากประเด็นข้อตกลง Trade war เฟสแรกต่อไป ในช่วงเราแนะนำนักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน และเลือก Selective Buy หุ้นที่ผลประกอบการดี รวมถึงยังคงแนะนำหุ้น 4 กลุ่มเดิมที่สามารถทยอยซื้อลงทุนได้ในระยะ 3-6 เดือน ดังนี้
สำหรับหุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯทั้งมาตรการท่องเที่ยว, ชิมช้อปใช้และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ SEAFCO (แม้ช่วงครึ่งปีหลังของปี 62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), ERW (ช่วงไตรมาส 3/62 กำไรโตเล็กน้อย 3% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนหลังรายได้จากโรงแรมเพิ่มขึ้น 5%จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน โดยมองช่วงปลายปียังมีโอกาสฟื้นตัวจากการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง
อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง), CPALL (ช่วงไตรมาส 3/62 กำไรโต 8.3% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากยอดขายที่เพิ่มจาก 7-11 กว่า 11,640 สาขา (ก.ย.62) และ MAKRO โดยบริษัทยังคงเป้าขยายสาขาต่อเนื่องให้ถึง 13,000 สาขาในปี 64 , MINT (ช่วงไตรมาส 3/62 กำไรโต 347%จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ด้วยกำไรพิเศษจากการขายโรงแรมที่โปรตุเกส บวกกับ ช่วงไตรมาส 4/62 มองฟื้นตัวต่อด้วยธุรกิจโรงแรมและอาหารหลังตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องจากฐานปีก่อนที่ลดลง)
กลุ่ม Defensive Stock: เลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วงครึ่งปีหลังของปี 62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง ครึ่งปีหลังของปี 62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯ ที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วงไตรมาส 2/62 คาดโต จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และช่วงครึ่งปีหลังของปี 62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี62 โต 30.8% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWADรายงานการถือครองหุ้นBFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (ช่วงไตรมาส 3/62 ทำ All time high ทั้งรายได้และกำไร คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่)
หุ้นกลุ่ม ร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วงครึ่งปีหลังของปี 62 โต เข้าสู่ High Season: PR9 (มองทั้งปี 62 โตต่อ หลังกำไร 9 เดือนแรกของปี 62 โต 10.9% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) บ.ยังมีศักยภาพในการเติบโตหลังแนวโน้มการทำกำไรเร่งตัวขึ้นสะท้อนผ่านEBITDA Margin ช่วง 9 เดือนแรกของปี 62 ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 17.7% (จาก 17.2% ช่วง9 เดือนแรกของปี 61) บ.มีแผนการเติบโตที่สดใส เนื่องจาก บ.ถือเป็น Cash Company มีเงินสดต่อหุ้นมากกว่า 2 บ.เตรียมเปิดตึกใหม่ต้นปี 63 เพื่อรองรับลูกค้าได้เพิ่มกว่าเท่าตัวหลังเกิด Over demand ในกลุ่มลูกค้า ICU-CCU (คิดเป็นกว่า 30% ของรายได้) และศูนย์บริการที่ถือเป็นไฮไลท์ใหม่อย่าง Pain Management and Wellness Center ขยายฐานลูกค้าต่างชาติครอบคลุมทั้งจีนและกลุ่มอาเซียน รวมถึงกลุ่มลูกค้าประกันองค์กรและผู้ประกันตนด้วย คาดหนุนบ.มีโอกาส คุ้มทุนได้เร็วกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ Consensus ให้ Valuation ที่ถูกสุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม ทั้งในแง่ Forward PE เพียง 23.17X ,P/BV 1.78X และEV/EBITDA 10.23X (อุตสาหกรรมอยู่ที่ PE 31.40X,P/BV 4.49X และ EV/EBITDA 20.32X)