โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” BGRIM อัพเป้าสูง 59 บ. จับตากำไรไตรมาส 4 สดใสขานรับกำลังผลิตเพิ่ม
โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” BGRIM อัพเป้าสูง 59 บ. จับตากำไรไตรมาส 4 สดใสขานรับกำลังผลิตเพิ่ม
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM โดยมีนักวิเคราะห์หลายแห่งกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมอัพราคาเป้าหมายขึ้นสูงสุดที่ระดับ 59 บาท
โดยบทวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ ระบุว่า ขณะนี้มีมุมมองเป็นบวกกับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตใหม่ ๆ ของ BGRIM และการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมคาดว่าจะทำให้กำลังการผลิตดีขึ้นแต่ต้นทุนการผลิตไม่สูงมากนัก ซึ่งยังไม่ได้รวมโครงการโรงไฟฟ้า LNG ประเทศเวียดนาม 3,000 MW
อย่างไรก็ตาม มองว่า BGRIM มีศักยภาพที่ดีมากในการขยายธุรกิจไฟฟ้าในประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย จึงได้ปรับประมาณการราคาเป้าหมายของ BGRIM เพิ่มจาก 46 บาท เป็น 59 บาท อิงตามวิธี DCF ซึ่งได้มีการปรับลด Country Risk ในประเทศเวียดนามลง และเพิ่ม Terminal Growth ขึ้นจาก 0% เป็น 2% แนะนำซื้อ พร้อมปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นจาก 46.00 บาท เป็น 59.00 บาท
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ขณะนี้ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 55.00 บาท (เดิม 39.00 บาท) อิงวิธี DCF (WACC 5.3%, No terminal growth) จาก 1) ปรับไปใช้เป้าหมายปี 2563E 2) ลด risk free rate ลงมาที่ 2% (เดิม 3%) 3) รวมโครงการ LNG power plant ขนาด 3,000MW ในเวียดนามในมูลค่าหุ้นหลังเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับ Petrovietnam Power Corporation (PVP)
โดยมองมีโอกาสสูงที่ดีลจะสำเร็จจาก 1) PVP เป็นผู้เชียวชาญและเป็น 1 ในผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามโดยมีรัฐเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 2) โครงการดังกล่าวเป็นส่วนต่อขยายจากโครงการเดิมและตั้งอยู่ในพื้นที่เดิม ทั้งนี้ประเมิน BGRIM ถือหุ้นในสัดส่วน 50% สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหุ้นราว 13.23 บาท
นอกจากนี้ BGRIM ยังมี potential upside จากโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจากำลังการผลิตติดตั้งรวมราว 976MW เป็น upside ให้กับราคาหุ้นราว 4.42 บาท ซึ่งหากรวมเข้ามาจะทำให้ best case target price อยู่ที่ 60.00 บาท (please see Fig 1 valuation table)
ด้านบทวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุว่า เราคาดว่ากำไรธุรกิจหลักในไตรมาส 4/2562 จะปรับสูงขึ้นเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายกำลังการผลิตในช่วงปี แต่จะปรับลดลงจากไตรมาสก่อน จากค่าใช้จ่ายพนักงานที่สูงตามฤดูกาล รวมถึงการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) และราคาก๊าซที่สูงขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้ เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 36.25 บาท