เคาะ 7 หุ้นเด่นเป้า Window dressing-รับเม็ดเงิน ”ฟันด์โฟลว์” ไหลเข้า!

เคาะ 7 หุ้นเด่นเป้า Window dressing-รับเม็ดเงิน ”ฟันด์โฟลว์” ไหลเข้า!


ถือเป็นโค้งสุดท้ายสำหรับการลงทุนปีนี้โดยคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะได้แรงหนุนเม็ดเงิน LTF ที่จะทยอยเข้ามาช่วงโค้งสุดท้ายของปี โดยปกติจะมีเม็ดเงินราว 3 หมื่นล้านบาท ในเดือนธ.ค. ผสานจับตาการทำ Window Dressing จากนักลงทุนสถาบันก่อนปิดงวดปี 2562ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยหนุนตลาดเพิ่มเติมได้

ดังนั้นทีมข่าว “ข่าหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมข้อมูลการลงทุนในช่วงดังกล่าวมานำเสนอนักลงทุนโดยครั้งนี้อาศัยข้อมูลจากโบรกฯเกอร์ชั้นนำของไทยอาทิ บล.ทิสโก้,บล.โนมูระ พัฒนสิน,บล.เอเซีย พลัส,และบล.ฟินันเซีย ไซรัส ซึ่งแนะนำกลยุทธ์การลงทุนธีม Window Dressing น่าลงทุนเอาไว้หลายตัวคือ CPF,PTT,LH,BBL,CPNREIT,OSP,RATCH

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดทิศทาง SET จนถึงสิ้นปีนี้แกว่งไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์อัพ มี Upside และ Downside จำกัด แนวรับ 1565-66, 1560+/- แนวต้าน 1575, 1580-82  แต่ยังดีที่มีเงิน LTF&RMF ทยอยไหลเข้ามากขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายและแรงซื้อเก็งกำไร Window Dressing โดยแนะนำ BBL,CPNREIT,LH,OSP,RATCH

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ความพยายามของรัฐในการทุ่มสรรพกำลังเพื่อดึงตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส1/63ให้ฟื้นตัว โดยช่องทางสำคัญที่จะมีบทบาทในการขับเคลื่อนได้แก่ การเบิกจ่ายงบประมาณที่คาดว่าจะเริ่มเห็นได้ในช่วงเดือน ก.พ.63 และพยายามจัดแคมเปญกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยของภาคครัวเรือนมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ในฝั่งของผู้ดูแลนโยบายการเงิน ก็ให้ความสำคัญกับการดูแลค่าเงินบาท ซึ่งปัจจุบันเห็นว่าแข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐาน ให้มีการอ่อนค่าลงเพื่อช่วยทำให้ภาคการส่งออกอยู่ในสถานะที่ดีขึ้น ซึ่งในประเด็นนี้ผู้บริหาร ธปท. ยืนยันว่าเริ่มมีมุมมองที่แตกต่างในหมู่นักลงทุนเรื่องค่าเงินบาท และน่าจะทำให้การแข็งค่าของเงินบาทใกล้ยุติลง

นอกจากนี้ในส่วนของนโยบายการเงิน ก็ยังเปิดทางให้ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงไปอีกหากจำเป็นที่ต้องใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้แนวทางการดำเนินงานดังกล่าวนับเป็นปัจจัยบวกในทางพื้นฐาน ซึ่งเป็นแรงหนุนในด้านการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน

แต่ในอีกมุมมองหนึ่งในด้านของ Fund Flow ที่จะเข้ามาขับเคลื่อนตลาดหุ้น เห็นว่ายังไม่น่าจะมีเข้ามา โดยในส่วนของ Fund Flow ที่มาจากนักลงทุนต่างชาติ หากเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง หากนำเงินเข้ามาลงทุนในช่วงนี้ ก็อาจทำให้ต้องประสบภาวะการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX Loss) การนำเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้จึงไม่น่าจะเกิดขึ้น หรือแย่กว่านั้นอาจเกิดแรงขายออกมาเพิ่ม

ส่วน Fund Flow จากนักลงทุนสถาบันในประเทศการที่ไม่มี LTF นับจากปี 2563 เป็นต้น ไปทำให้เม็ดเงินลงทุนบางส่วนที่จะหนุนตลาดขายหายตามไปด้วย ภายใต้องค์ประกอบดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้โอกาสที่ SET Index จะปรับขึ้นในช่วงต้นปี 2563 คงเกิดขึ้นได้ยาก แต่อย่างไรก็ตามช่วงปลายปีนี้ยังคงหวัง LTF เข้ามาช่วยกระตุ้นให้เกิด  Window Dressing แนะนำ CPF, PTT และ LH เป็น Top Pick

 

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ภาพตลาดหุ้นไทยจะได้แรงหนุนเม็ดเงิน LTF ที่จะทยอยเข้ามาช่วงโค้งสุดท้ายของปี โดยปกติจะมีเม็ดเงินราว 3 หมื่นล้านบาท ในเดือนธ.ค. ผสานจับตาการทำ Window Dressing จากนักลงทุนสถาบันก่อนปิดงวด ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยหนุนตลาดเพิ่มเติมได้

ตลาดจะเผชิญกับปริมาณการซื้อขายที่เบาบางในวันนี้ หลังหลากหลายประเทศปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส โดยจากสถิติย้อนหลัง 10 ปี SET จะ sideway โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย -0.25% แต่สำหรับปีนี้อาจเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากจะทำให้แรงขายต่างชาติเบาบางลงตามปริมาณการซื้อขายที่ลดลงได้ ขณะที่จะมีแรงหนุนจากฝั่งกองทุน จากเม็ดเงิน LTF ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี และการทำ Window Dressing ก่อนปิดงวดจะเป็นแรงหนุนเล็กๆต่อ SET ได้

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาด SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,560-1,575 จุดท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ซึ่งตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ปิดทำการและโดยรวมตลาดยังไร้ประเด็นใหม่เข้าหนุน

นอกจากนี้แนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่โตในระดับต่ำคาดว่ายังคงกดดันและจำกัดการปรับขึ้นของ SET ในระยะนี้ มีเพียงแรงหนุนจากเม็ดเงิน LTF/RMF และ Window Dressing ช่วงโค้งสุดท้ายของปีที่ประคองตลาดจึงแนะนำให้เลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวและราคาปรับตัวลงแรงในช่วง 1-2 เดือนก่อนหน้าและทำให้ Dividend Yield อยู่ในระดับสูง กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวโดยเฉพาะที่ปันผลสูง//ส่วนที่สะสมไปแล้วยังเน้นถือต่อ

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button