จังหวะช้อน 3 หุ้นโรงแรม หลังราคารูดหนักเกินเหตุ-โบรกฯมองโอกาสฟื้นตัวสูง!

จังหวะช้อน 3 หุ้นโรงแรม หลังราคารูดหนักเกินเหตุ-โบรกฯมองโอกาสฟื้นตัวสูง!


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ที่เกี่ยวกับกลุ่มโรงแรม หลังจากมีปัจจัยลบกดดันเรื่องของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยว และผู้มาใช้บริการลดลงอย่างมากในไตรมาส 1 ของปี 62 ทั้งนี้นักวิเคราะห์ประเมินว่า บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW จะเป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากสุด รองลงมาเป็น บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL และบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT

อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาหุ้นของ ERW ปรับตัวลดลงมาอย่างหนักจนราคาหุ้นลดลงมาใกล้เคียงกับช่วงที่โรค SARS ระบาด ซึ่งมองเป็นจังหว่ะทยอยซื้อสะสมได้ ขณะที่มองว่า MINT เป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบต่ำจากการระบาดของไวรัส

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ม.ค.63) ว่า หุ้นกลุ่มโรงแรมถูกกดดันหลังจีนสั่งห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศ

โดยกลุ่มโรงแรมในไทยมีราคาลดลง 4 – 7% เทียบกับ SET ที่ปรับตัวลดลง 4% หลังจากที่จีนประกาศห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางแบบทัวร์ออกนอกประเทศ โดยนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นสัดส่วน 28% ของผู้โดยสารขาเข้าของไทย และกว่า 35% เป็นนักท่องเที่ยวแบบทัวร์ และกลุ่มที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวแบบเที่ยวเอง (FIT) ทำให้มีความเสี่ยงที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเดินทางได้ หากผ่านการตรวจ และจะเป็นความเสี่ยงในอนาคต

ทั้งนี้มองว่ามีความเป็นไปได้ 3 กรณีสำหรับกลุ่มโรงแรม

ได้ประเมินผลกระทบต่อกลุ่มโรงแรม โดยมองความเป็นไปได้ 3 กรณีคือ 1) การยืดระยะเวลาการแบน 2) การห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศ และ 3) การแพร่ระบาดในประเทศไทย โดยทั้ง 3 กรณีจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มโรงแรมในไทย โดยที่ ERW จะเป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากสุด รองลงมาเป็น CENTEL และ MINT

อย่างไรก็ตาม MINT เป็นหุ้นแนะนำ แต่อยากรอดูสถานการณ์ก่อนเก็บสะสมเพิ่ม ทั้งนี้ประเทศในกลุ่มยุโรปได้รับผลกระทบต่ำจากการระบาดของไวรัส ทำให้ยังคงเลือก MINT เป็นหุ้นแนะนำ โดยมี RevPar ที่มีเสถียรภาพ และค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าเป็นปัจจัยหนุน อีกทั้งประโยชน์จากการร่วมมือกับ NH จะเริ่มเห็นผลในปี 63 รวมไปถึงการขยายแบรนด์ Anantara และยังคงแนะนำให้ “ซื้อ” ERW หลังราคาหุ้นลดลงมาใกล้เคียงกับช่วงที่โรค SARS ระบาด แต่หากเกิดการแพร่ระบาดในไทย ERW จะเป็นบริษัทที่ได้รับผลกระทบสูงสุด

ผลประกอบการไตรมาส 4/62 ถูกกระทบจากราคาห้อง ปรับประมาณการปี 63-64 ลง

ทั้งนี้คาดผลประกอบการไตรมาส 4/62 ของกลุ่มโรงแรมจะปรับตัวลดลง 13% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน นำโดย CENTEL รองลงมาเป็น ERW และ MINT โดยผู้ประกอบการโรงแรมจะถูกกดดันจากค่าห้องที่ลดลงกดดัน RevPar ในขณะที่ CENTEL มีการปิดปรับปรุง และมีธุรกิจ QSR ที่อ่อนแอลง รวมถึงค่าเช่าที่ที่เพิ่มขึ้น สำหรับ ERW RevPar จะถูกกดดันจากการเปิดโรงแรมใหม่ และ MINT ที่พึ่งพาปัจจัยในประเทศน้อยสุดจะถูกกดดันจากผลของค่าเงินบาทที่แข็งค่ากระทบการแลกเปลี่ยนค่าเงินของ NH ทำให้ผลประกอบการลดลงจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน แม้ว่าการดำเนินงานของ NH จะดีขึ้น โดยปรับประมาณการกลุ่มโรงแรมลง 3 -14% จาก RevPar ที่ลดลง และปรับมูลค่าที่เหมาะสมลง

การประเมินมูลค่าที่เหมาะสม และความเสี่ยง

ทั้งนี้ แนะนำให้ “ซื้อ” MINT และ ERW โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 42.00 บาท และ 6.30 บาท ตามลำดับ และแนะนำให้ “ถือ” CENTEL โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 29.00 บาท มีความเสี่ยงเชิงบวกคือ 1) การแข่งขันที่ลดลง 2) ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง 3) การทำการตลาดของธุรกิจส่งอาหารที่ลดลง แต่มีความเสี่ยงเชิงลบคือ 1) Corona Virus 2) การแข่งขันของธุรกิจส่งอาหารที่เพิ่มขึ้น 3) ภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองว่า CPN ราคาหุ้นร่วง 8% สะท้อนกังวลว่าจะถูกกระทบจากทัวร์จีนที่เข้ามาไทยน้อยลง หลังมีไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาด ขณะเดียวกันคาดว่าผลกระทบต่อกำไรในปี 63 จะไม่ถึง 8% ทั้งนี้บริษัทมีรายได้จากลูกค้าจีนประมาณ 10-12% ต่อปี แต่ผลกระทบจากไวรัสฯคาดว่าจะอยู่ในช่วง 3-6 เดือนเท่านั้น

ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/62 จะสูงสุดของปี 62 เพราะมีกำไรจากการขายเซ็นทรัล วิลเลจให้กับมิตซูบิชิ เอสเตท 30% เข้ามาช่วยหนุน

ด้าน ผลประกอบการปี 63 มีแนวโน้มดีต่อเนื่อง จากอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยของบริษัทที่ยังคงสูงกว่า 90% และจะมีกำไรก้อนใหญ่จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน CPNREIT ในปีนี้ด้วย ทั้งนี้แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 77 บาท เมื่อเทียบกับราคาปัจจุบันที่ 57.50 บาท มี Upside 34%

 

 

Back to top button