TMI ลั่น! ผลงานปี 63 พลิกกำไรรอบ 4 ปี ลุ้นปีหน้าล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยง!

TMI ลั่น! ผลงานปี 63 พลิกกำไรรอบ 4 ปี ลุ้นปีหน้าล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยง!


นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMI เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจผลการดำเนินงานในปี 2563 จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้งในรอบ 4 ปี จากปี 2562 ยังมีผลขาดทุน พร้อมคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก และมีรายได้อยู่ที่ราว 450 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทพลิกกลับมามีกำไรนั้น มาจากการรับรู้รายได้เต็มปีของโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ขนาดกำลังการผลิต 1.40 เมกะวัตต์ ใน จ.ชุมพร ที่สร้างรายได้ต่อปีอยู่ที่ประมาณ 30-40 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรประมาณ 13-14 ล้านบาทต่อปี

นอกจากนี้ ธุรกิจหลักของบริษัทจะเริ่มฟื้นตัวกลับมามีกำไร หลังได้รับงานคำสั่งผลิตโคมไฟล็อตใหญ่จากลูกค้าจีน ซึ่งลูกค้ารายดังกล่าวเป็น 1 ใน 3 ราย ที่เข้ามาติดต่อบริษัทเข้ามาเพื่อจะจ้างประกอบโคมไฟส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา หลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า โดยเซ็นสัญญากับบริษัท 2 ปี โดยในช่วงกลางเดือน ม.ค. 2563 และสัปดาห์ก่อนก็ได้มีการเริ่มส่งมอบสินค้าแล้วเฉลี่ย 10,000 ตัวต่อรอบ ซึ่งในอนาคตมีโอกาสที่ออเดอร์จะเพิ่มขึ้น เนื่องลูกค้ารายดังกล่าวมีความต้องการให้บริษัทประกอบโคมไฟให้ได้ 500,000 ตัวต่อเดือน

 ขณะที่ในระยะแรกลูกค้ากำหนดไว้ได้ 200,000 ตัวต่อเดือน โดยในเดือน มี.ค. 2563 บริษัทจะเริ่มเพิ่มการผลิตขึ้นมาสู่ระดับ 80,000 ตัวต่อเดือน จากกำลังการผลิตเต็มที่ 150,000 ตัวต่อเดือน อย่างไรก็ตามกำไรจากออเดอร์ดังกล่าวไม่ได้มากนัก แต่สามารถครอบคลุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายของโรงงานได้ทั้งหมด ถือว่าน่าพอใจแล้ว และในระยะถัดไปอาจมีการเพิ่มแรงงานเข้ามา เพื่อให้ยอดผลิตโคมไฟได้ตามเป้าหมาย

ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้า บริษัทเตรียมจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าอีก 2 แห่ง  ขนาดกำลังการผลิตรวม 3.96 เมกะวัตต์ (MW) ประกอบด้วย 1.โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพที่ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ขนาดกำลังการผลิต 0.99 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เข้าไปดำเนินการปรับปรุงกระบวนการผลิต ทั้งระบบจัดการ ท่อส่งวัตถุดิบ และลงเครื่องจักรใหม่จากยุโรป คาดว่าจะใช้งบลงรวมประมาณ 35-40 ล้านบาท โดยกำหนด COD ในช่วงปลายไตรมาส 1/2563 หรือช้าสุดในช่วงต้นไตรมาส 2/2563 เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้บริษัท 23-25 ล้านบาทต่อปี และคาดว่ามีกำไรประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี

และ 2.โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ขนาดกำลังการผลิต 2.97 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้งบลงทุนรวมประมาณ200 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันเพิ่งเริ่มดำเนินการก่อสร้าง เพราะมีการศึกษาการย้ายสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้าให้มาอยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ เพื่อให้สามารถต่อท่อส่งได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนค่าน้ำมันลง 3-4 ล้านบาท เบื้องต้นประเมินว่าโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะสามารถสร้างกำไรให้กับบริษัทประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี และดำเนินการ COD ได้ในไตรมาส 4/2563 ได้ตามแผน

นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าแนวโน้มภาพรวมผลการดำเนินงานในปี  2564 จะเป็นปีที่ดี ตามการรับรู้รายได้ และกำไรเต็มปี จากการ COD โรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตรวม 4.36 เมกะวัตต์ หากเป็นไปตามแผนประเมินว่าจะช่วยให้บริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมดภายในช่วงต้นปี 2564 และมีโอกาสที่จะกลับมาจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้

นายธีรศักดิ์ กล่าวต่อว่า บริษัทยังมีแผนเดินหน้าเจรจาเข้าควบรวม หรือซื้อกิจการ (M&A) รวมถึงเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติม เมื่อดำเนินการ COD โครงการที่ จ.สมุทรสาคร และ จ.ราชบุรี เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในปัจจุบันได้มีการศึกษาอยู่หลายโครงการ โดยมีความสนใจเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์ แต่ยังรอการประกาศหลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่างๆออกมาครบก่อน

Back to top button