เปิด 11 หุ้น SET50 วิ่งสวนตลาดเดือนม.ค.พร้อมสะสมหุ้นพื้นฐานดีราคาถูกเพียบ!
เปิด 11 หุ้น SET50 วิ่งสวนตลาดเดือนม.ค.พร้อมสะสมหุ้นพื้นฐานดีราคาถูกเพียบ!
ภาวะตลาดหุ้นไทยเดือนมกราคม2563ที่ผ่านมาไม่ค่อยสดใส เนื่องจากได้รับปัจจัยกดดันทั้งภาวะภัยแล้ง และประเด็นการเมืองในประเทศหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องกรณี ส.ส. เสียบบัตรแทนกันในการโหวตร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ2563 ซึ่งต้องติดตามว่าศาลรัฐธรรมนูญจะกำหนดวันตัดสินเป็นวันที่เท่าไร
อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รุนแรง และทำให้มีผู้เสียชีวิตในจีนพุ่งเกิน 400 ราย และแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2562 ที่ทยอยออมาไม่สดใสถือเป็นแรงกดดันการลงทุนอย่างหนัก
โดยเห็นได้จากดัชนีตลาดหุ้นไทยเดือนมกราคม 2563 อ่อนตัวลงกว่า 65 จุด โดยเทียบตั้งแต่ดัชนียืนที่ระดับ 1579.81 จุด ณ วันที่ 30 ธ.ค.62 มาอยู่ที่ระดับ 1514.14 จุด ณ 31 ม.ค.62 หรือลดลง 4.33%
ภาวะดังกล่าวส่งผลให้หุ้นขนาดใหญ่อ่อนตัวลงแรง อย่างไรก็ตามยังมีหุ้นบวกสวนตลาดได้อย่างแข็งแกร่งดังนั้น ทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจกลุ่มหุ้น SET50 เดือนมกราคม2563มานำเสนอโดยครั้งนี้ได้เรียงลำดับจากหุ้นปรับตัวขึ้นไปมากไปหาน้อยสุดดังตารางประกอบ
สำหรับกลุ่มหุ้นที่บวกสวนตลาดได้อย่างแข็งแกร่งเดือนมกราคมมีทังหมด 11 ตัว อาทิ BGRIM,GULF,TU,SAWAD,OSP, CPF,CBG,TISCO,DELTA,MTC,BEM ตรงนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าหุ้นดังกล่าวเป็นหุ้นหลุมหลบภัยในยามตลาดผันผวนและมีภาวะเสี่ยงเข้ามากระทบตลาดได้อย่างชัดเจน
โดยอันดับ 1 บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ราคาหุ้นเดือนมกราคมปรับตัวขึ้น 18.10% มาอยู่ที่ระดับ 62.00 บาท ณ วันที่ 31ม.ค.63 จากยืนที่ระดับ 52.50 บาท ณ 30 ธ.ค.62 เนื่องจากแผนงานโดดเด่นและผลงานสดใสต่อเนื่อง
โดยแนวโน้มปี 2563 บริษัทคาดจะมีรายได้รวมเติบโตเกินเป้า 20% อย่างแน่นอน เมื่อเทียบกับปี 2562 ตามกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นตามแผน และการรับรู้รายได้เต็มปีของโครงการที่เริ่ม COD ในปี 2562 อย่างไรก็ตามอาจมีการปรับเป้าหมายอีกครั้ง หากสามารถปิดดีลเข้าซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าได้สำเร็จ
สำหรับงบลงทุนในปี 2563 บริษัทตั้งไว้อย่างน้อย 10,000 ล้านบาท โดยในปัจจุบันการลงทุนโครงการต่าง ๆ ยังอยู่ในกรอบเงินลงทุนที่มีอยู่ ก่อนหน้านี้ช่วงปลายปีก่อนได้มีการออกหุ้นกู้ไป 8,000 ล้านบาท ซึ่งยังสามารถออกหุ้นกู้ได้เพิ่มเติม เพราะได้ขออนุมัติวงเงินการออกหุ้นกู้จากผู้ถือหุ้นไว้ประมาณ 70,000-100,000 ล้านบาท และมีนโยบายควบคุมอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ไม่ให้เกิน 2 เท่า
ด้านหุ้นปรับตัวลงแรงมีทั้งหมด 38 ตัว อาทิ RATCH,EA,PTT,KTB,GPSC,CPALL,BJC,CPN,INTUCH,TCAP,ADVANC, BDMS,AOT,LH,BTS,KBANK,EGCO,VGI,TOA, AWC,SCC,HMPRO, BH,BBL,GLOBAL,KTC,PTTGC,MINT,BANPU,TMB,BPP,DTAC,WHA,TRUE,IVL,SCB,IRPC,TOP
อีกทั้งหุ้นดังกล่าวหากมองอีกด้านถือเป็นโอกาสเข้าสะสมหุ้นพื้นฐานดีราคาถูกเข้าพอร์ต โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชี อาทิ BBL,KTB,IRPC,BANPU,PTTGC, TCAP,SCB, KBANK,TOP
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มตลาดคาดว่า SET Index อาจย่อตัวระยะสั้นหลังจากหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,500 จุด แต่คาดมีโอกาสเกิด Technical Rebound จาก Downside ที่จำกัดหลังปรับตัวลงกว่า 100 จุดในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมารับประเด็นการระบาดของโคโรน่าไวรัสไปพอสมควร
ขณะที่ RSI ส่งเข้าเขต Oversold และการประชุมกนง.พรุ่งนี้มีโอกาสลดดอกเบี้ยลง 0.25% หนุนบรรยากาศการลงทุนได้บ้างและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่โดยรวมยังค่อนข้างอ่อนแอ เรายังมอง SET ที่ระดับ 1480-1,500 จุดเป็นจังหวะเข้าซื้อเก็งกำไรคาดหวังการรีบาวด์ระยะสั้นหลังทำกำไรบางส่วนไปแล้วตั้งแต่บริเวณ 1,600 จุด ขณะที่พอร์ตหลักยังเน้นถือหุ้นพื้นฐานที่มีธุรกิจ Recurring Defensive และปันผลสูง
กลยุทธ์ : เก็งกำไรลุ้นรีบาวด์ระยะสั้นที่ระดับ 1,480-1,500 จุด//ยังเน้นถือหุ้นพื้นฐานที่มีธุรกิจ Recurring Defensive และปันผลสูง
ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน