โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” JMT มองกำไรปีนี้ทำ “ออลไทม์ไฮ” ชูเป้าสูง 21.60 บ.
โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" JMT มองกำไรปีนี้ทำ "ออลไทม์ไฮ" ชูเป้าสูง 21.60 บ.
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT หลังมีนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานในปี 2563 จะเติบโตทำจุดสูงสุดใหม่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดการณ์การดำเนินงานในปี 2563 ของ JMT จะมียอดเก็บเงินสดที่ 3,204 ล้านบาท เติบโต 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 681 ล้านบาท เติบโต 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บนพอร์ตหนี้มูลค่า 1.75 แสนล้านบาท เติบโต 20% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยเป้าหมายในปีนี้ยังเดินหน้าต่อทั้ง ยอดเก็บเงินสด 4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน รวมถึงการลงทุนซื้อหนี้ใหม่ไม่น้อยกว่าปีก่อนที่ 3.3-4 พันล้านบาท ตามแนวโน้ม NPL ในระบบเร่งตัวสูงขึ้นเป็นบวกต่อ JMT และธุรกิจประกัน (50%) จะไม่ฉุดขาดทุนเช่นปีก่อน (-30 ล้านบาท) หลังลดต้นทุนด้วยการปรับพอร์ตลด Loss ratio และเพิ่มสินค้ากลุ่ม Non-motor ที่อัตรากำไรดีกว่าเพิ่มขึ้น ประเมินกำไรสุทธิปี 2563 ที่ 872 ล้านบาท เติบโต 28% จากปีก่อน
ขณะที่ผู้บริหารได้คงมุมมองที่มั่นใจต่อผลประกอบการในปีนี้ในแง่ การลงทุนซื้อหนี้ใหม่ – บรรยากาศยังใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่การปรับใช้ TFRS9 จะทำให้การขายหนี้ NPL จากสถาบันการเงินเร็วขึ้นเป็น Upside risk และการเก็บหนี้ – เบื้องต้น 2 เดือนแรกของไตรมาส 1/63 การเก็บเงินสด (Cash collection) ยังเป็นปกติ ใกล้เคียงกับช่วงก่อนการระบาด ดังนั้นปัจจุบันบริษัทยังบริหารจัดการได้ หากสถานการณ์ไม่บานปลาย
รวมทั้งผลกระทบจากมาตรฐานบัญชีใหม่ – ไม่ส่งผลต่อกำไรในบรรทัดสุดท้าย (สุทธิเท่าเดิม) แม้จะเปลี่ยนวิธีบันทึกของรายได้และต้นทุนจากเกณฑ์เงินสด (Cash) เป็นคงค้าง (Accrual basis) แม้อัตราส่วนการเงินโดยรวมอาจเปลี่ยนแปลงบ้างสำหรับหนี้ที่มีหลักค้ำประกัน (Secured loan)
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 21.60 บาท เนื่องจากราคาปรับตัวลงตามภาวะตลาดและผลกระทบระยะสั้น ทว่า JMT เป็นหุ้นที่มีกระแสเงินสดและกำไรสุทธิที่ทนทานต่อเศรษฐกิจผันผวนได้ จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”