คัด 7 หุ้นสุดแกร่ง Sentiment บวกเฉพาะตัว พ่วงอัพไซด์สูง!

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลของบทวิเคราะห์ ที่แนะนำเกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนในภาวะตลาดผันผวน โดยพบว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังแนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่มีประเด็นบวก โดยเน้น 2 ธีมหลักคือหุ้นที่ได้แรงหนุนจาก Fund Flow ในส่วนของกองทุน SSF เงื่อนไขพิเศษเข้ามาชดเชยพอดี  และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่า โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกเกษตร-อาหาร

โดย บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (2 เม.ย.63) แนะหุ้นที่ SSF จับจ้อง และได้แรงหนุนจากบาทอ่อน CPF นับตั้งแต่ต้นปี 2563 ปัจจัยรุมเร้ามากมาย กดดัน Fund Flow ไหลออกจากตลาดการเงินของไทย ทั้งในส่วนของตลาดหุ้น ที่ต่างชาติขายสุทธิกว่า 1.18 แสนล้านบาท และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้อีก 1.12 แสนล้านบาท กดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าขึ้นมา จนล่าสุดทะลุ 33 บาท/ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 11% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ด้วยแนวโน้มของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทำให้ต่างชาติมีโอกาสขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ ส่งผลให้ Fund Flow ยังมีโอกาสชะลอการไหลเข้าต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ประเด็นดังกล่าว แม้จะกดดันภาพรวมตลาด อย่างไรก็ตามยังพอมีหุ้นที่ได้ Sentiment เฉพาะตัวเข้ามาชดเชย Fund Flow ที่ขาดหายไป โดยฝ่ายวิจัยแบ่งกลยุทธ์ออกเป็น 2 ธีม คือ

1. หุ้นที่ได้แรงหนุนจาก Fund Flow ในส่วนของกองทุน SSF เงื่อนไขพิเศษเข้ามาชดเชยพอดี จากบทวิเคราะห์ Market Talk ฉบับวานนี้ ฝ่ายวิจัยได้มีการรวบรวมและวิเคราะห์ว่ากองทุนรวมทั้งหมดที่มีนโยบายคล้ายคลึงกับ SSF เงื่อนไขพิเศษ ทั้งหมด 14 ใน 18 กองทุน ว่ามีหุ้นอะไรบ้างเป็นที่นิยมในการลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก ซึ่งน่าจะเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆ สำหรับการลงทุน มีรายละเอียดดังนี้

โดย 24 หุ้น ที่กองทุนลงทุนคล้าย SSF นิยมลงทุน ฝ่ายวิจัยชื่นชอบ CPALL, BAM, GULF, INTUCH และ CPF มากสุด

2. แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่า โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกเกษตร-อาหาร เพราะจะทำให้การแข่งขันกับคู่แข่งในประเทศเพื่อนบ้านได้ดีขึ้น และแปลงรายได้เป็นเงินบาทได้มากขึ้น หนุนประสิทธิภาพการทำกำไรของผู้ส่งออกเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยฝ่ายวิจัยชอบ 3 หลักทรัพย์ เริ่มจาก

CPF (FV@B40) แนวโน้มกำไรสุทธิปี 2563-64 จะเพิ่มขึ้น 16.8% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และ 4.7% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากธุรกิจสุกรในไทยและเวียดนามฟื้นตัว และตลาดส่งออกไก่จากไทยเติบโตต่อเนื่อง

STA (FV@B14) คาดผลการดำเนินงานปี 2563 จะพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิ 813 ล้านบาท จากที่ขาดทุนสุทธิ 149 ล้านบาท ในปี 2562 จากแนวโน้มราคายางพารามีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้การบริหารต้นทุนวัตถุดิบและราคาขายทำได้ง่ายขึ้น และปริมาณจำหน่ายยางพาราและถุงมือยางเพิ่มขึ้น

TU (FV@B18) แนวโน้มกำไรสุทธิปี 2563-64 จะฟื้นตัว 26.6% yoy และ 9.4% yoy จากธุรกิจทูน่าและอาหารสัตว์เลี้ยงฟื้นตัว

ดังนั้นยามตลาดขาดแรงหนุนจาก Fund Flow หุ้นเด่น เลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากทัง 2 ธีม คือ CPF ซึ่งเป็นหุ้นที่มีโอกาสสูงที่จะได้แรงหนุนจากเม็ดเงินจากกองทุน SSF ช่วยผลักดันราคา รวมถึงยังได้ Sentimet จากค่าเงินบาทที่อ่อนขึ้นมาเร็วหนุนกำไรอีกแรง