โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” OSP ชี้กำไรยังโตฝ่า “โควิด-19” ชูเป้าสูง 50 บาท
โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” OSP ชี้กำไรยังโตฝ่า “โควิด-19” ชูเป้าสูง 50 บาท
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและบทวิเคราะห์ของบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP โดยบทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50 บาท พร้อมคาดการณ์กำไรยังคงเติบโตในเกณฑ์ดีแม้มีการระบาดของโควิด-19
โดยเครื่องดื่ม M-150 และ C-Vitt มียอดขายและส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น อีกทั้งอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากการควบคุมต้นทุนและภาษีความหวานลดลง ส่วนการออกสินค้าใหม่ และการขยายกำลังการผลิตยังเป็นไปตามแผน ฐานะการเงินเป็นเงินสดสุทธิ OSP เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลกระทบจำกัดจากโควิด-19 แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 50 บาท
ทั้งนี้ แม้มีการระบาดของโควิด-19 แต่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังใน 2 เดือนแรกของปี 2563 ยังเติบโตเกือบ 3% โดยพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนกลับมาซื้อเครื่องดื่มชูกำลังที่เป็นแบรนด์หลักคือ M-150 ทำให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่แบรนด์รอง เช่น โสมอินซัม และ ฉลามกระชายดำ มียอดขายทรงตัว กระแสการรักษาสุขภาพทำให้ตลาดเครื่องดื่ม Functional drink เติบโตเกือบ 20% ในช่วง 2 เดือนแรกปี 2563 โดย C-Vitt มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่ที่ 29.8% ซึ่งจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ อย่างไรก็ดี ยอดขายสินค้ากลุ่มของใช้ส่วนบุคคลคาดว่าชะลอตัวลงจากผลกระทบของโควิด-19
ทั้งนี้ ประเมินว่ายอดขายในไตรมาส 1/63 ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 34bps จากไตรมาสก่อน และ 62bps จากปีก่อน เป็น 35.4% เนื่องจากโปรแกรม Fit Fast Firm โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการปรับสูตร M-150 โดยลดน้ำตาล ทำให้ภาษีความหวานลดลงจาก 0.15 บาท/ขวด เป็น 0.015 บาท/ขวด ตั้งแต่ต้นปีนี้ คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสก่อน และ 3% จากปีก่อน เป็น 913 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม OSP ได้เตรียมพร้อมรองรับโควิด-19 จึงไม่กระทบต่อโรงงานผลิต การจัดหาวัตถุดิบ และการขนส่งสินค้า ยกเว้นโรงงานในเมียนมาร์ซึ่งเดิมคาดว่าจะเริ่มผลิตในไตรมาส 1/63 ต้องเลื่อนเป็นไตรมาส 2/63 แต่ไม่กระทบต่อยอดขาย เนื่องจากยังคงมีการจ้างผลิตอยู่ ส่วนการออกสินค้าใหม่ในไทยคาดว่ามีสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มและกลุ่มสินค้าของใช้ส่วนบุคคลอย่างละ 2-4 สินค้า
โดยปรับให้เข้ากับสถานการณ์ คือ สเปรย์แอลกอฮอล์ Ole Hand Sanitizer และ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เบบี้มายด์ Healthi Plus ขณะที่ยอดขาย C-Vitt ปีนี้คาดว่าจะเติบโตสูงหลังจากเพิ่มกำลังการผลิตแล้ว 20% ในไตรมาส 2/62 และปัจจุบันยังเต็มกำลังการผลิต โดยในครึ่งหลังปี 2563 จะขยายกำลังการผลิตกลุ่มเครื่องดื่ม 10-15% ตามเป้าหมายเดิม ส่วนโปรแกรม Fit Fast Firm จะลดต้นทุน 500-800 ล้านบาทต่อปี