คัด 4 หุ้นเด่นรับอานิสงส์ต้นทุนน้ำมันตกต่ำ โบรกเชียร์ซื้ออัพไซด์สูงสุด70%
คัด 4 หุ้นเด่นรับอานิสงส์ต้นทุนน้ำมันตกต่ำ โบรกเชียร์ซื้ออัพไซด์สูงสุด70%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดทรุดตัวลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลก นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่คลังน้ำมันของสหรัฐกำลังกักเก็บน้ำมันใกล้เต็มความจุ ท่ามกลางภาวะน้ำมันล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 55.90 ดอลลาร์ หรือ 306% ปิดที่ -37.63 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 2.51 ดอลลาร์ หรือ 8.94% ปิดที่ 25.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายสัญญาน้ำมันในตลาด NYMEX เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า การที่รัฐบาลทั่วโลกใช้มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งรวมถึงการสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านและห้ามเดินทางเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น จะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันทรุดตัวลง
จากสถานการณ์ดังกล่าวทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจและรวบรวมกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากต้นทุนน้ำมันตกต่ำมานำเสนอเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในช่วงนี้
โดยเป็นการรวมรวมบทวิเคราะห์โบรกเกอร์ชั้นนำของไทยหลายแห่ง อาทิ บล.ฟินันเซีย ไซรัส,บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน)บล.คิงส์ฟอร์ด และบล.ทิสโก้ ซึ่งแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์หลายตัว คือ IVL, EPG, TASCO และ PRM ซึ่งได้ระบุเอาไว้ดังนี้
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันต่ำสุดในรอบ 21 ปี WTI ส่งมอบเดือน พ.ค. ร่วง 40% เหลือต่ำกว่า US$11/บาร์เรล ราคาถูกกดดันจากการที่คลังเก็บน้ำมันทั่วโลกปัจจุบันเกินระดับ 70% ใกล้เต็มความจุแล้ว หุ้นที่ได้อานิสงส์จากต้นทุนน้ำมันตกต่ำได้แก่ IVL, EPG, TASCO, PRM, กลุ่มวัสดุและรับเหมาก่อสร้าง และโรงไฟฟ้า
โดยบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 32 บาท ความต้องการผลิตภัณฑ์ PET ผลิตภัณฑ์เส้นใย Hygiene และ personal care ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตและปริมาณขายสูงขึ้น
ขณะที่ต้นทุนน้ำมันต่ำ ทำให้สเปรดของ PET, PTA เพิ่มสูงขึ้น คาดกำไรปกติไตรมาส1/63 ที่ 2 พันลบ. ดีสุดในกลุ่มปิโตรฯ แต่มี stock loss ทางบัญชี และรักษาสภาพคล่องโดยปรับให้เป็นเงินกู้ระยะยาวมากขึ้น ลด CAPEX ปีนี้ราว $300 ล้าน ปัจจุบัน Net IBD/E ยังแข็งแรงที่ 1 เท่า IVL จะขึ้น XD 23 เม.ย. จำนวน 0.175 บ/หุ้น (Yield 0.65%)
ด้านบล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.30 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 11.3 บาท โดยเราคาดว่าผลกรทบจาก COVID-19 จำกัด คาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 1/63 ที่ 313 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 11%เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 34% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดว่าในไตรมาส 2 กำไรหลักจะโตต่อจากไตรมาส1 ที่ 346 ล้านเหรียญ จากการเพิ่มขึ้นของอัตราค่าเช่า FSU
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท อัตราค่าระวางเรือ VLCC ซึ่งเป็นเรือ FSU ที่ PRM ใช้และมี 8 ลำ ยังคงผันผวนอยู่ในระดับสูงกว่าปกติมากโดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงหลังประชุม OPEC+ ยิ่งทำให้ความต้องการเรือจัดเก็บน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มสูงขึ้น แต่เรือมีจำกัด
คาดกำไรปกติไตรมาส 1/63 สดใส +8% เทียบไตรมาสก่อนหน้า, +29% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 286 ลบ. COVID-19 จะกระทบธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันในประเทศในไตรมาส2/63 แต่ธุรกิจนี้มีสัดส่วนเพียง 22% ของกำไรขั้นต้นรวม กำไรขั้นต้นหลัก 60% อยู่ที่ธุรกิจเรือ FSU ซึ่งมีโอกาสปรับราคาขึ้นในช่วงปลายปีเมื่อหมดสัญญาเก่า (ไตรมาส1/63 เรือ 3 ลำปรับราคาขึ้นแล้ว)
บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG (ซื้อ/เป้า 7.5) ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบขาลงคาดกดดันราคาต้นทุนเม็ดพลาสติกปรับตัวลงตามหนุนมาร์จิ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น ด้านผลกำไร 4Q20 (ม.ค.-มี.ค.20) คาดว่าจะยังทรงตัวเหนือระดับ 200 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากกำไรที่แข็งแกร่งของธุรกิจ Aeroflex และ Aeroklas ซึ่งได้ผลบวกโดยตรงจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเพราะกว่า 60% ของทั้งสองธุรกิจมีรายได้จากต่างประเทศ
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ถึงแม้เราคาดงบ ไตรมาส1/63จะขาดทุน -827 ลบ. จากยอดขายลดลงและรับรู้ Stock Loss แต่คาดเป็นจุดต่ำสุดของปี มองราคาหุ้น 2 เดือนร่วงเกือบ 30% ซึมซับไปมากแล้วและปัจจุบันเริ่มยืนได้
คาดจะได้ประโยชน์จากจีนเริ่มเปิดศก. (ส่งออกไปจีนคิดเป็น 50% ของยอดขายทั้งหมด) ขณะที่ความต้องการใช้ยางมะตอยภายในปท.ฟื้นตัวแข็งแกร่งจากการมีเงินงบประมาณปี FY2020 จะช่วยหนุนกำไรตั้งแต่ Q2 เป็นต้นไป, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง-ปันผลดี 6% ต่อปี, เป้าพื้นฐาน 21 บ.
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน