คัด 4 หุ้นเด็ดเน้น “Defensive Play”-ลุ้นกำไรโตสู้ภาวะตลาดผันผวน!

คัด 4 หุ้นเด็ดเน้น "Defensive Play"-ลุ้นกำไรโตสู้ภาวะตลาดผันผวน!


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบทวิเคราะห์ที่เกี่ยวกับการลงทุนในระยะสัปดาห์ เนื่องจากนักวิเคราะห์มองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวน โดยแนะนำหุ้น Defensive ที่มีแรงต้านทานภาวะผันผวนได้ ขณะที่แนะนำหุ้นในกลุ่มที่คาดว่ากำไรสุทธิจะยังเติบโตภายใต้แรงกดดันของเศรษฐกิจชะลอตัว

โดยแนะนำลงทุนใน “Defensive Play” EGCO ,CHG และแนะนำหุ้น EARNINGS PREVIEW ประกอบด้วย GUNKUL ,TCAP

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ (27 มี.ค.63) โดยคาดตลาด “แกว่งในกรอบ” แนวต้าน 1,267/1,273 จุด แนวรับ 1,249/1,240 จุด กลุ่ม OPEC+ เริ่มปรับลดกำลังการผลิตลง 1 สัปดาห์ก่อนกำหนดการเดิมที่ 1 พ.ค. สะท้อนความพยายามในการรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมัน แต่ราคาน้ำมันดิบเช้านี้ปรับตัวลงแรง WTI -7.3%, BRT -2.1% จากความกังวลต่อ demand จึงต้องจับตาการประชุมด่วนของกลุ่มรัฐมนตรีพลังงานของ OPEC พรุ่งนี้ และการประชุมพิเศษของ OPEC 10 พ.ค. อาจมีการปรับลดกำลังการผลิตลงเพิ่มเติม ส่วนความคืบหน้าโรค Covid-19 ยอดผู้ติดเชื้อรายวันชะลอต่อเนื่อง แนะนำ Theme: “Defensive Play” : EGCO, CHG

EGCO (TP20F 310*): Support 260/254 Resistant 274/280

Theme: Defensive Play

Earnings Outlook: ผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (IPP SPP VSPP) ในไทยและลงทุนใน 6 ประเทศ โดยรวมมี Equity MW 5.8 พัน MW และจะเพิ่มเป็น 6.1 พัน MW ใน 2022F  โดยแนวโน้มกำไรปกติ 63 คาดเติบโต 11% จากส่วนแบ่งกำไรของโรง SBPL และไซยะบุรี รับรู้เต็มปี ชดเชยโรงน้ำเทิน ที่รับผลกระทบจากภาวะน้ำแล้ง

Valuation: เป็นหุ้น Defensive ที่เหมาะสมกับช่วงภาวะปัจจุบัน แม้แนวโน้มการเติบโตระยะกลางยาว จะดูอ่อนกว่ากลุ่ม high growth (GULF GPSC BGRIM) แต่ราคาหุ้นซื้อขาย Discount ที่ PER ปี 63 ที่ 12.2 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มมาก

Catalyst: มอง Valuation ตลาดที่ตึงตัวหลังปรับขึ้นแรง แนะนำกลุ่ม Defensive และ Laggard ของกลุ่มโรงไฟฟ้า และเลือก EGCO เป็น 1 ในหุ้น Top picks เดือนเม.ย.นี้

 

CHG (TP20F 2.68*): Support 2.38/2.34 Resistant 2.54/2.62

Theme: Defensive Play

Earnings Outlook: แนวโน้มผลประกอบการ 2563 ยังรับผลกระทบน้อยจาก Covid-19 เป็นลำดับต้นๆในกลุ่มฯ จากฐานลูกค้าต่างชาติน้อยสุดในกลุ่มเพียง 3% ของผู้ป่วยรวม ขณะที่ Key driver ปีนี้จะมาจากกาปรับค่ารักษาประกันสังคม และผู้ประกันตนเพิ่ม หนุนกำไรปกติ 20F +14% เด่นเป็นลำดับต้นๆในกลุ่ม ระยะสั้นคาดกำไรไตรมาส 1/63 โต 3% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน, เติบโต 38% จากไตรมาสก่อนที่ 185 ล้านบาท จากมาร์จิ้นและรายได้ที่ดีขึ้น

Valuation: ราคาหุ้นซื้อขายที่ PER ปี 63 ที่ 33 เท่า ใกล้เคียงกลุ่มฯ แต่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีกว่ากลุ่มฯ

Catalyst: มอง Valuation ตลาดที่ตึงตัวหลังปรับขึ้นแรง แนะนำกลุ่ม Defensive กอปรกับ เข้าสู่ช่วง Earnings season ไตรมาส 1/63 ประเมิน CHG ยังเด่น คาดเติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน,จากไตรมาสก่อนดีกว่า รวมถึง ฐานะการเงินแกร่ง ไม่กังวลด้านความสามารถจ่ายหนี้ โดย IBD/Equity เพียง 0.26 เท่า

 

EARNINGS PREVIEW

GUNKUL (BUY, TP 3.35) ราคาหุ้นยังอยู่ในจุดที่น่าสนใจ แนะนำ “ซื้อ”

ประเมินกำไรไตรมาส 1/63 ที่ 372 ลบ.ยังเติบโตเด่น 65% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากการรับรู้รายได้เต็มปีของโรงไฟฟ้า solar โครงการ Kimitsu ที่ประเทศญี่ปุ่น และการเข้าซื้อโรงไฟฟ้า solar จำนวน 60 MW ที่เวียดนามเมื่อต้นปี โดยในสถานการณ์ COVID-19 บริษัทได้รับผลกระทบค่อนข้างต่ำ เนื่องจากรายได้และกำไรส่วนมากมาจากการขายไฟฟ้าตามสัญญา อีกทั้ง ยังมี backlog งาน EPC สูง 8,000 ลบ. ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ใน 2-3 ปี ประเมินกำไรปีนี้ยังยืนในระดับสูงและมั่นคง  แนะนำ ทยอยสะสม จากมูลค่าเหมาะสมปี 63 ที่ 3.35 บาท และรับปันผลครึ่งปีหลังของปี 63 ที่ 0.136 บาทต่อหุ้นหรือเท่ากับ Dividend yield 4.9% (XD 28 เม.ย. จ่าย 15 พ.ค.)

 

EARNINGS PREVIEW

TCAP (NEUTRAL, TP 38.0) คาดกำไรไตรมาส 1/63 โตเด่น เพราะ กำไรพิเศษ

คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/63 ที่ 4,150 ลบ. (เพิ่มขึ้น 106% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน, ลดลง 6% จากไตรมาสก่อน) เพิ่มขึ้นถึง 106% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เพราะกำไรพิเศษจากการขาย Ajinomoto ที่คาด 2,800 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามหากพิจารณาการดำเนินงานหลัก คาดกำไรปกติ 1,350 ลบ. (ลดลง 33% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน, ลดลง 5% จากไตรมาสก่อน) โดยกำไรลดลงจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน แม้คาดรายได้ดอกเบี้ยยังเติบโตได้ตามสินเชื่อของ THANI ที่ยังเติบโต

รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียม brokerage fee ของหลักทรัพย์ธนชาตที่เพิ่ม อย่างไรก็ตามโดนฉุดลงจากการตั้งสำรองที่สูงขึ้น ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลง และไม่มีการกลับสำรองของ THANI เหมือนในไตรมาส 1/63 นอกจากนี้คาดรายได้ประกันสุทธิลดลง เพราะ การตั้งสำรองที่สูงขึ้น จากภาวะดอกเบี้ยต่ำ ในขณะที่กำไรลดลง 5% จากไตรมาสก่อน คาดกดดันหลักจากรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลง ตามสินเชื่อ THANI ที่หดตัวจากไตรมาสก่อน

ประกอบกับการตั้งสำรองที่สูงขึ้น ปรับประมาณการกำไรสุทธิ 63-65 ของ TCAP ขึ้น (7 – 18%) สาเหตุหลักจากการปรับกำไร TMB ขึ้น และปรับราคาเป้าหมายปี 63 เป็น 38 จาก 34 บ. โดยมอง TCAP เด่นด้าน dividend yield สูง 8.6% อย่างไรก็ตามคาดผลประกอบการไม่เด่น Norm. EPS 2020F (รวมการซื้อหุ้นคืน) 4.74 บ./หุ้น ลดลง 31% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนจึงแนะนำเพียงถือรับปันผล

 

INDUSTRY QUICK CIMMENT

ICT NON MOBILE (NEUTRAL) แนวโน้มประมูลงานโครงการและเป้าหมายเซ็นงานใหม่ปีนี้

ขณะที่มีมุมมอง “บวก” ต่อการคงแผนลงทุนงานโครงการปีนี้ของหน่วยงานรัฐหลักๆ โดยเฉพาะโครงการเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน และความมั่นคง ประกอบกับการประมูลงานมีแนวโน้มคืบหน้าช่วงกลาง-ปลาย ไตรมาส 2/63 เป็นต้นไป มองเป็นโอกาสของบริษัท SI & Trading

นอกจากนี้หากพิจารณามูลค่า Backlog ปัจจุบันและการรับรู้รายได้ปีนี้ เทียบกับเป้าหมายรายได้ของ ILINK, SAMTEL และ ITEL คาดว่า ILINK มีความเสี่ยงจากการเซ็นงานใหม่น้อยสุด เนื่องจาก Backlog ปัจจุบันและการรับรู้รายได้รองรับเป้าหมายรายได้ปีนี้แล้ว อีกทั้งประมาณการกำไรปี 63 ทั้ง 3 บริษัท เราประเมินอิงสมมติฐานเซ็นงานใหม่ปีนี้ต่ำกว่าเป้าหมายบริษัท

โดยคาด ILINK จะเซ็นงานใหม่ต่อปีราว 300 ล้านบาท, SAMTEL คาดเซ็นงานใหม่ต่อปีราว 5,000 ล้านบาท และ ITEL คาดปีนี้ธุรกิจติดตั้งโครงข่ายเซ็นงานใหม่ 200 ล้านบาท ทำให้คาดว่าประมาณการรายได้และกำไรทั้ง 3 บริษัท มี Downside จำกัด หากบริษัทเซ็นงานได้น้อยกว่าเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นครึ่งปีหลังของปี 63 คาดกำไรปกติไม่เด่น จากผลกระทบ COVID-19 ต่อการส่งมอบงานและชะลอการประมูลงานในไตรมาส 1/63 สำหรับหุ้นเด่นยังชอบ ITEL มากสุด

EARNINGS RESULT

DTAC (NEUTRAL, TP 48.0) กำไรสุทธิ 1Q20 โตตามคาด 1.5 พันลบ. (+16%y-y)

โดยคาดราคาหุ้นวันนี้มีโอกาสถูก sell on fact โดยแม้รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/63 โตเด่นตามคาด 1.5 พันลบ. (เติบโต 16% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน, เติบโต 199% จากไตรมาสก่อน) จากการคุมรายจ่ายได้ดี อย่างไรก็ดี เริ่มเห็นสัญญาณลบฝั่งรายได้ให้บริการที่ลดลงจากไตรมาสก่อน จากการที่ต้องปิด shop เกิดข้อจำกัดในการลงทะเบียนโดยเฉพาะกลุ่มเติมเงิน ทำให้ลูกค้ารวมกลับมาลดลงอีกครั้ง อีกทั้ง  ระยะสั้น คาดกำไรไตรมาส 2/63 ไม่เด่น เพราะถูกกระทบจาก COVID-19 เต็มไตรมาส ประกอบกับส่วนต่างราคาหุ้นกับราคาเป้าหมายเริ่มจำกัด เพิ่มขึ้น 7% จึงปรับคำแนะนำลงเป็น “NEUTRAL” คงราคาเป้าหมาย 63 ที่ 48 บาท

Back to top button